TGCI พุ่ง 24.79% ขานรับ SCC ปรับโครงสร้างธุรกิจเซรามิก จะนำ TGCI ควบรวม 4 บ.ย่อย เป็นบริษัทใหม่เข้าตลาดหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 20, 2017 14:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น TGCI ราคาพุ่งขึ้น 24.79% มาอยู่ที่ 2.92 บาท เพิ่มขึ้น 0.58 บาท มูลค่าซื้อขาย 26.14 ล้านบาท เมื่อเวลา 14.32 น. โดยเปิดตลาดที่ 2.32 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.92 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.32 บาท

บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันนี้ โดยอนุมัติการสนับสนุนการปรับโครงสร้างธุรกิจเซรามิก ด้วยการควบบริษัทย่อยของที่บริษัท ถือหุ้นผ่านบริษัท เซรามิคซิเมนต์ไทย จำกัด (CCCL) รวมทั้งหมดจำนวน 5 บริษัท (ธุรกรรมการควบบริษัท) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกในประเทศไทย ประกอบด้วย (1) บริษัท เซรามิคอุตสาหกรรมไทย จำกัด (TCC) , (2) บมจ.ไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรี่ (TGCI) , (3) บริษัท เดอะ สยาม เซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรี่ส์ จำกัด (SGI) , (4) บริษัท โสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด (SSG) และ (5) บริษัท เจมาโก จำกัด (GMG) เป็นบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบบริษัท (บริษัทใหม่)

ทั้งนี้ TGCI จะดำเนินการยื่นคำขอให้รับหลักทรัพย์ของบริษัทใหม่ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่อง การรับหลักทรัพย์ของบริษัทที่เกิดจากการควบบริษัทเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ. 2542 (ข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่อง การควบบริษัท) ต่อไป อันจะทำให้บริษัทใหม่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นบริษัทหลัก (Flagship Company) ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกในประเทศไทย

สำหรับแผนการควบบริษัท ประกอบด้วยการดำเนินการ 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ธุรกรรมการโอนหุ้นและธุรกรรมการควบบริษัท โดยในส่วนธุรกรรมการโอนหุ้นนั้น ก่อนที่จะดำเนินธุรกรรมการควบบริษัท จะดำเนินการให้ CCCL โอนหุ้นทั้งหมดที่ตนถืออยู่ใน SSC ณ ปัจจุบัน ในสัดส่วนร้อยละ 53.89 ของจำนวนทุนชำระแล้วของ SSC ให้แก่ TCC อันจะส่งผลให้ TCC เข้าเป็นผู้ถือหุ้นจำนวนดังกล่าวใน SSC แทน CCCL

นอกจากนี้ TCC จะโอนหุ้นทั้งหมดที่ตนถืออยู่ใน SGI ณ ปัจจุบัน ในสัดส่วนร้อยละ 9.80 ของจำนวนทุนชำระแล้วของ SGI ให้แก่ CCCL อันจะส่งผลให้ CCCL เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดใน SGI ในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนชำระแล้วของ SGI

ส่วนธุรกรรมการควบบริษัท ภายหลังธุรกรรมการโอนหุ้น บริษัทย่อยทั้ง 5 ซึ่งได้แก่ (1) TCC ซึ่งถือหุ้นใน SSC โดยตรงในสัดส่วนร้อยละ 53.89 ของทุนชำระแล้วของ SSC (2) SGI (3) SSG (4) GMG และ (5) TGCI จะดำเนินการควบบริษัทเข้าด้วยกันตามขั้นตอนและบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 (รวมทั้งที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) (พ.ร.บ. บริษัทมหาชนฯ) และทำให้เกิดบริษัทใหม่ที่จะเป็นบริษัทหลัก (Flagship Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกในประเทศไทย

เมื่อธุรกรรมการควบบริษัทแล้วเสร็จ บริษัทใหม่จะได้ไปทั้งทรัพย์สิน (รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญาต่าง ๆ อาทิ เครื่องหมายทางการค้า เป็นต้น) หนี้ สิทธิ หน้าที่และความรับผิดชอบของบริษัทย่อยทั้ง 5 ที่ได้ควบกันแล้วทั้งหมดโดยผลของกฎหมาย ซึ่งรวมถึงหุ้นใน SSC ในสัดส่วนร้อยละ 53.89 ที่ TCC เคยถืออยู่ก่อนการจดทะเบียนควบบริษัท (ธุรกรรมการโอนหุ้นและธุรกรรมการควบบริษัทรวมเรียกว่า "แผนการควบบริษัท")

ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์และความสำเร็จของการปรับโครงสร้างและแผนการควบบริษัท และเพื่อให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อยทั้ง 5 หรือนักลงทุนทั่วไปได้รับข้อมูลสารสนเทศอย่างเพียงพอ โดยเท่าเทียมกัน และทันต่อเหตุการณ์ บริษัทย่อยทั้ง 5 กำหนดการเสนอธุรกรรมที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ตามแผนการควบบริษัท ให้คณะกรรมการของแต่ละบริษัทพิจารณาอนุมัติในวันเดียวกันคือวันนี้ และให้เสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของ TGCI และที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อย 4 บริษัท (TCC ,SGI ,SSG และ GMG) ที่จะควบกัน พิจารณาและอนุมัติการควบบริษัทและการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อยทั้ง 5 แต่ละบริษัทที่จะควบกันจะจัดขึ้นในวันเดียวกัน ซึ่งจะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบต่อไป

นอกจากนี้เนื่องจาก TGCI ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทย่อยทั้ง 5 ที่มีสถานะเป็นบริษัทมหาชนและเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกรณีที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ TGCI มีมติอนุมัติธุรกรรมการควบบริษัท แต่มีผู้ถือหุ้นของ TGCI ที่ลงมติคัดค้านธุรกรรมการควบบริษัท (ผู้ถือหุ้นที่คัดค้าน) บริษัทจะดำเนินการให้ CCCL เข้าเป็นผู้ซื้อหุ้น TGCI จากผู้ถือหุ้นที่คัดค้าน ในราคาที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งสุดท้ายก่อนวันที่ประชุมผู้ถือห้นุ ของ TGCI มีมติให้ควบบริษัท

ภายหลังธุรกรรมการควบบริษัท บริษัทใหม่อาจมีผู้ถือหุ้นรายย่อยรวมกันไม่ถึงร้อยละ 15 ของทุนชำระแล้วของบริษัทใหม่ ทำให้คุณสมบัติในเรื่องการกระจายการถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ของบริษัทใหม่ยังไม่เป็นไปตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทใหม่มีแผนที่จะดำเนินการแก้ไขการกระจายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยดังกล่าวเพื่อทำให้การกระจายการถือหุ้นรายย่อยเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยคาดว่าจะมีการกระจายหุ้นได้ตามเกณฑ์ภายในปี 2562-2563

ทั้งนี้ ในการควบบริษัท จะมีการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัทย่อยทั้ง 5 ที่มีชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัท ณ วันและเวลาที่จะกำหนดกันต่อไป โดยจะจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ในอัตราส่วน ดังนี้

1 หุ้นเดิมใน TGCI ต่อ 1.25904909 หุ้น ในบริษัทใหม่

1 หุ้นเดิมใน TCC ต่อ 89.68702555 หุ้น ในบริษัทใหม่

1 หุ้นเดิมใน SGI ต่อ 8.78492469 หุ้น ในบริษัทใหม่

1 หุ้นเดิมใน SSG ต่อ 121.77578202 หุ้น ในบริษัทใหม่

1 หุ้นเดิมใน GMG ต่อ 27.36232939 หุ้น ในบริษัทใหม่

บริษัทใหม่จะมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วเท่ากับ 5,962,621,233 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวนทั้งสิ้น 5,962,621,233 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งเท่ากับทุนชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทย่อยทั้ง 5 แห่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ