GLOBAL คาดรายได้-กำไรปี 61 เติบโตกว่า 13% ยอดขายสาขาเดิม-เปิดสาขาใหม่หนุน,เปิดสาขาแรกกัมพูชา Q2/61

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 23, 2018 10:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ประธานกรรมการ บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรในปี 61 จะเติบโตมากกว่า 13% จากปี 60 ที่คาดว่าจะเติบโตราว 10% หลังอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Same Store Sales Growth: SSSG) จะกลับมาเติบโตราว 3% จากที่ติดลบ 5% ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากการพัฒนาคุณภาพทั้งในด้านของตลาดและสินค้า รวมถึงการบริหารจัดการสินค้า ท่ามกลางกำลังซื้อที่ยังมีไม่มากนัก อย่างไรก็ตามอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของบริษัทยังนับว่าดีกว่ายอดขายสาขาเดิมของร้านวัสดุก่อสร้างในตลาดที่ติดลบ 8% ในปีที่ผ่านมา และยังคงติดลบระดับ 7-8% ในปีนี้

นอกจากนี้ในปีนี้บริษัทยังจะขยายสาขาใหม่ในไทยเพิ่มเติมต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ 7-10 สาขา/ปี ใช้เงินลงทุนราว 250 ล้านบาท/แห่ง ซึ่งตามเป้าหมายสิ้นปีนี้จะมีสาขาในไทยไม่ต่ำกว่า 63 แห่ง จาก 55 แห่งในปัจจุบัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างราว 10 สาขา ที่จะทยอยเปิดตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นไป

"ตลาดวัสุดก่อสร้างไม่ได้โตขึ้น เนื่องจากกำลังซื้อในตลาดไม่ได้สูง ถดถอยด้วยซ้ำ พวกโครงการอสังหาฯต่าง ๆ slow down เยอะ การบริโภคของตลาดโดยรวมไม่ได้เพิ่มออกจะถดถอย ถ้าเราปล่อยบริษัทเดินและเติบโตโดยธรรมชาติ น่าจะมี growth ติดลบ...เราทำการตลาดมากขึ้น คือการพัฒนาคุณภาพ ถ้าปีนี้ไม่ทำอะไรเลยก็จะติดลบเหมือนปีที่ผ่านมา การปรับกลยุทธ์เพิ่มคุณภาพสินค้าต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3/60 แต่มาเห็นผลตั้งแต่ไตรมาส 4/60 ปี 61 ให้ผมคาดของโกลบอลเฮ้าส์ ก็น่าจะมากกว่า 13% ปีที่แล้วเราโตประมาณ 10% อันนี้คือรายได้และกำไร"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจในปีนี้แม้หลายฝ่ายคาดว่าจะเติบโตในราว 4% แต่ก็ถูกจำกัดอยู่ในเฉพาะกลุ่มอย่างส่งออก การท่องเที่ยว ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมยังคงมีเหลือขายอยู่จำนวนมาก ทำให้ยังไม่มีกำลังซื้อวัสดุก่อสร้างเข้ามามาก ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ฉุดให้ตลาดรวมยังคงหดตัวและกระทบต่อยอดขายสาขาเดิม อย่างไรก็ตามในส่วนของบริษัทได้เริ่มปรับกลยุทธ์ตั้งแต่ในไตรมาส 3/60 ด้วยการพัฒนาคุณภาพการตลาดการขาย การพัฒนาคุณภาพการจัดหาสินค้า ทำให้เพิ่มProduct Miix ดีขึ้น เพิ่มบริการด้านการขายให้มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม ตลอดจนเพิ่มการตลาดเพื่อหาลูกค้าใหม่เข้ามา ส่งผลให้ SSSG ในไตรมาส 4/60 เริมกลับมาเป็นบวก หลังจากติดลบในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 60 และเชื่อว่าจะผลักดันให้ SSSG ในปีนี้กลับมาเป็นบวกได้ นอกจากนี้บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่องเพื่อที่จะให้สิ้นปีมีสาขาในไทยไม่ต่ำกว่า 63 แห่ง จาก 55 แห่งในปัจจุบัน ขณะที่บริษัทมีเงินลงทุนรองรับการขยายงาน เนื่องจากมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ราว 3 พันล้านบาท/ปี โดยสาขาใหม่ที่จะเริ่มก่อสร้างหลังจากนี้มีแผนจะติดโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาอาคารด้วย เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า จากปัจจุบันที่ได้ดำเนินการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปแล้วหลายสาขา ตลอดจนจะนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยให้บริการประมาณ 1 ตัว/สาขา ส่วนการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า ที่ปัจจุบันมีอยู่เพียง 1 แห่งในจ.พระนครศรีอยุธยานั้น เห็นว่าเพียงพอที่จะใช้กระจายสินค้าให้กับสาขาได้ต่าง ๆได้อยู่แล้ว โดยที่ยังไม่มีแผนจะสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการลงทุนต่างประเทศนั้น ล่าสุดบริษัทได้จัดตั้ง Global House Cambodia Co.,Ltd (GBC) โดยบริษัทถือหุ้น 55% ร่วมกับนักธุรกิจกัมพูชาอีก 45% เพื่อดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างและสินค้าที่เกี่ยวกับบ้านในประเทศกัมพูชา โดยบริษัทเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด และคาดว่าจะเปิดสาขาแรกในกรุงพนมเปญได้ภายในไตรมาส 2/60 บนพื้นที่ขาย 27,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) มีสินค้า 100,000 SKU ซึ่งจะนับเป็นรายแรกของร้านจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ในกัมพูชา ท่ามกลางกำลังซื้อในกัมพูชาที่มีอยู่จำนวนมาก โดยหากสามารถเปิดสาขาในกัมพูชาได้ครบ 5 สาขา ก็พร้อมที่จะนำบริษัทดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯของกัมพูชาต่อไป

ส่วนการลงทุนในเมียนมาและลาวนั้น ปัจจุบันเป็นการลงทุนโดยผ่านบริษัท โกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GLOBAL และกลุ่มบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ฝ่ายละ 50% โดยบริษัท โกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เข้าไปถือหุ้น 36% ในมจ.สุวันนี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการค้าปลีกชั้นนำที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในลาว ขณะเดียวกันโกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ยังถือหุ้น 30% ในบริษัทร้านค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านในเมียนมา ซึ่งหุ้นส่วนท้องถิ่นแต่ละประเทศเป็นผู้บริหารสาขาเอง โดยมีสาขาในเมียนมา และลาว ประเทศละ 5 สาขา

นอกจากนี้ยังให้ความสนใจที่จะขยายสาขาไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น ฟิลิปปินส์ ,เวียดนาม ,อินโดนีเซีย ,มาเลเซีย เป็นต้น แต่ต้องมีการวางกลยุทธ์ที่ดี และมีพันธมิตรท้องถิ่นที่แข็งแรง ซึ่งบริษัทยังไม่ได้เร่งรีบในการตัดสินใจในช่วงนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ