(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้น เล็งขานรับ Sentiment บวกจากตปท.-ราคาน้ำมันขึ้น-เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าช่วยหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 19, 2018 09:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากยังได้ Sentiment บวกจากตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเป็นบวกอยู่ และยังได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันด้วย

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อ่อนค่าอยู่ ทำให้เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย แต่เชื่อว่าวอลุ่มเทรดยังไม่มาก แต่คิดว่าจะดีกว่าสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากหลายตลาดในภูมิภาคยังปิดทำการอยู่ ทั้งตลาดหุ้นจีน, ไต้หวัน, ฮ่องกง และเวียดนาม

ทั้งนี้ วันนี้ให้ติดตามตัวเลข GDP ของไทยงวดไตรมาส 4/60 ซึ่งตลาดเชื่อว่าจะออกมาดี และในวันพุธนี้ (21 ก.พ.) ให้ติดตามการายงานผลประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และตัวเลข PMI ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ, ยุโรป และญี่ปุ่น

พร้อมให้แนวรับ 1,800 ถัดไป 1,790-1,792 จุด ส่วนแนวต้าน 1,813 ถัดไป 1,820-1,825 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,219.38 จุด เพิ่มขึ้น 19.01 จุด (+0.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,732.22 จุด เพิ่มขึ้น 1.02 จุด (+0.04%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,239.47 จุด ลดลง 16.96 จุด (-0.23%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 183.41 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 30.69 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 18.60 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.74 จุด

ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันตรุษจีน

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ก.พ.61) 1,805.89 จุด เพิ่มขึ้น 5.03 จุด (+0.28%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 221.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ก.พ.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 61.68 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ หรือ 0.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ก.พ.61) ที่ 6.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.26 ตลาดรอติดตาม GDP Q4/60 ไทยเช้านี้-รายงานการประชุม FOMC
  • คลังจี้ "แบงก์ชาติ" เร่งแก้ปัญหาบาทแข็ง หลังพบแข็งค่า แซงประเทศคู่ค้า-คู่แข่ง หวั่นกระทบการแข่งขันด้านราคา ย้ำที่ผ่านมา"คลัง" ช่วยเต็มที่ ทั้งเร่งคืนหนี้ต่างชาติ นำเข้าวัตถุดิบลงทุน เตรียมหนุน"นักลงทุน สถาบัน-กบข.-ประกันสังคม"นำเงิน ลงทุนนอก ลดแรงกดดันค่าเงิน
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปีนี้ แข็งค่าขึ้นแล้ว 3.53% และเงินบาทแข็งค่า เมื่อเทียบกับคู่แข่ง 1.59% มีประเทศเดียวที่ค่าเงินแข็งกว่าไทยคือญี่ปุ่น ส่วนประเทศคู่แข่ง เช่น มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ค่าเงินอ่อนกว่าไทยมาก โดยยอมรับว่าภาคเอกชนได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเอเอ็มอี ซึ่งกระทรวงการคลังได้ใช้เครื่องมือทั้งหมดดูแลเรื่องค่าเงินไปอย่างเต็มที่แล้ว
  • สำนักบริหารอ้อยฯ คาดแนวโน้มอ้อยเข้าหีบฤดู 2560/61 ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 110 ล้านตัน หลังชาวไร่เปลี่ยนพื้นที่ทำนามาปลูกอ้อยเพิ่ม ห่วงราคาน้ำตาลโลกต่ำกระทบชาวไร่
  • ก.ล.ต.เตือนการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอาจมีคนฉวยโอกาสเอาเทคโนโลยีใหม่มาบังหน้าหลอกลวงประชาชน ชี้ถึงมีเกณฑ์ออกมากำกับก็ช่วยลดความเสี่ยงได้บางส่วน ด้านคลังยืนยันไม่นิ่งนอนใจออกแนวทางดูแล
  • ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะรอง โฆษกกระทรวงการคลัง ประเมินว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4 ของปี 2560 จะเติบโตได้มากกว่า 4% เพราะหลายปัจจัยดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกขยายตัว9.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี รายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12.2% ภาคเอกชนยื่นขอหักค่าเสื่อมราคา 1.5 เท่า จากมาตรการส่งเสริมการลงทุน 2.8 แสนล้านบาท ขณะที่อัตราเงินเฟ้อต่ำ 0.7% ไม่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนภาคเอกชน นับว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแล้ว และเริ่มกลับมาขยายตัวตามศักยภาพ คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ในปี 2561 ขยายตัว 4.2% ซึ่งยังไม่ใส่ปัจจัยการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ในโมเดลคำนวณจีดีพี

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 20 บาท เป็นหุ้นที่มักปรับตัวขึ้นได้ดีหลังจบงาน Thailand Mobile Expo โดย 2 ปีล่าสุดขึ้นเฉลี่ย 5% ใน 5 วันทำการ สูงสุดในกลุ่มผู้ขายสินค้าไอที พร้อมคาดกำไร Q4/60 ที่ 180 ล้านบาท +12% Q-Q และ +52% Y-Y จากแรงหนุนของช็อปช่วยชาติ และการรับรู้กำไรของบัฟที่โตต่อเนื่อง เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายจอภาพแบรนด์ ViewSonic ถือเป็นแบรนด์แรกที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ จากเป้าการเพิ่ม 2-4 แบรนด์ต่อปี
  • CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า Consensus 88 บาท เก็งกำไรจากข่าวมีโอกาสได้รับอนุมัติให้ดำเนินธุรกิจ banking agent เพิ่มช่องทางการเติบโตของรายได้ ขณะที่ต้นทุนแทบไม่ต้องลงทุนเพิ่มเพราะมีสาขาพร้อมอยู่แล้วทำให้กำไรที่ได้รับมีโอกาสเติบโตมากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น
  • BBL (ไอร่า) เป้า 234 บาท คาดเงินปันผล 2H/60 จำนวนเดียวกับ 2H/59 ประมาณ 4.50 บาท พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 61 เติบโต 11% คาดอยู่ที่ 36,635 ล้านบาท (EPS 19.19 บาท) หลักๆ จากการตั้งสำรองหนี้ ลดลง 8.60% จากปี 60 หลังเศรษฐกิจมีสัญญาณฟื้นตัว คาดวัฎจักร NPL เริ่มเป็นขาลง ทำให้คาดไม่ต้องตั้งสำรองหนี้จำนวนมากเช่นปี 60
  • BGRIM (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ทยอยสะสม" เลือกเป็น Stock pick ของกลุ่มโรงไฟฟ้า คาดผลประกอบการเติบโตสูงกว่า 38% และ 25% ในปี 61/62 จากโครงการ SPP 3 แห่ง และมี Catalyst เชิงบวกจากการลงนามสัญญา PPA โรงไฟฟ้า SPP ต่ออายุ 3 โครงการ ตามแผนของ ERC ในช่วงกลางปี 2561 และแนวโน้ม Ft ปรับขึ้นในรอบเดือน พ.ค-ส.ค. 2561 ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น คาดทุก 1 สตางค์/ kWh ต่อปีที่ปรับขึ้นจะส่งผลบวกต่อผลประกอบการ 10 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ในปีที่ 2560 มีการปรับขึ้น Ft สุทธิ 17.4 สตางค์ต่อ kWh หาก ค่า Ft ปี 2561 ปรับขึ้นใกล้เคียงกับปีก่อน BGRIM จะได้ผลบวกประมาณ 170 ล้านบาท คิดเป็น Upside 6.5% ของประมาณการปี 2561

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ