SC คาดได้ข้อสรุปเข้าซื้ออพาร์ตเมนต์ในสหรัฐฯ 1 แห่งใน H2/61 ตั้งงบลงทุน 1 พันลบ. คาดหวัง IRR ไม่ต่ำกว่า 15%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 16, 2018 12:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าซื้ออพาร์ตเมนต์ในสหรัฐฯ ภายใต้การลงทุนของบริษัท เอสซี อัลฟ่า อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (SC ALPHA) ซึ่ง SC ถือหุ้นในสัดส่วน 100% โดยตั้งงบลงทุนในในการเข้าซื้ออพาร์ตเมนต์ในสหรัฐฯอยู่ที่ 1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในเมืองที่เป็นแหล่งการศึกษาและศูนย์กลางเทคโนโลยี เจาะกลุ่มผู้อยู่อาศัยนักศึกษาและคนทำงานต่างชาติที่อยู่ในสหรัฐฯ โดยมีเมืองเป้าหมายที่สนใจในสหรัฐฯทั้งหมด 25 เมือง ซึ่งจะมีข้อสรุป 1 โครงการ ใน 1 เมือง ในช่วงครึ่งหลังปีนี้

สำหรับรูปแบบการเข้าลงทุนในช่วงแรกจะเป็นการซื้อมาแล้วเข้าไปรีโนเวท และจะเริ่มปล่อยให้ผู้สนใจเข้าพักหลังจากรีโนเวทแล้วเสร็จ ซึ่งหากโครงการเริ่มมีอัตราการเช่ามากขึ้นและมีการเช่าที่สม่ำเสมอก็มีโอกาสที่พิจารณาขาย โดยคาดหวังอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 15% ในกรณีที่บริษัทขายโครงการ ส่วนอัตราผลตอบแทนจากการเช่าคาดหวังอยู่ที่เฉลี่ย 5% ต่อปี ขณะที่จะพิจารณาลงทุนในโครงการอพาร์ตเมนต์ใหม่ในสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะใช้งบลงทุน 1 พันล้านบาท/ปี ในช่วงระยะเวลา 3 ปีจากปี 61

"เรายังคงโฟกัสในธุรกิจที่เรามีความถนัดและเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักที่เราทำ ซึ่งยังอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ โดยในช่วงระยะกลางหรือ 3 ปีนี้ แม้ว่าเราจะมีการลงทุนเยอะ แต่เราก็ไม่มีแผนที่จะเพิ่มทุน เพราะเรายังมีกระแสเงินสดที่เพียงพอ และมีเงินเข้ามาจากรายได้ที่เข้ามาในทุกปี รวมถึงมีวงเงินกู้สถาบันการเงินและการออกหุ้นกู้ได้ แต่ในแง่ของภาระหนี้ก็อาจจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงลงทุนแรก ๆ ซึ่งปีนี้คาดว่า D/E จะเพิ่มขึ้นอีก 0.1 เท่า จากปีก่อน 1.58 เท่า แต่การที่เราลงทุนในส่วนของอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐฯ เพื่อที่จะรักษาสัดส่วนรายได้ประจำให้อยู่ในช่วง 5-7% ตามที่บริษัทวางไว้"นายอรรถพล กล่าว

นายอรรถพล กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวโน้มของยอดขายในไตรมาส 1/61 คาดว่าจะทำได้กว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งอาจจะใกล้เคียงหรือสูงกว่ายอดขายในไตรมาส 1/60 ที่ทำได้ 3.4 ล้านบาท แม้ว่าในไตรมาส 1/61 มูลค่าการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมจะไม่สูงเท่ากับปีก่อนที่มีการเปิด 28 Chidlom ที่มีมูลค่าโครงการสูงถึง 8 พันล้านบาท แต่การเปิดโครงการ Centric รัชโยธิน มูลค่า 1.5 พันล้านบาท สามารถสร้างยอดขายได้สูง โดยทำยอดขายได้ 70% ประกอบกับยังมีการเปิดการขายโครงการแนวราบในต่างจังหวัดอีกในช่วง 24-25 มี.ค. 61 มูลค่า 1.5 พันล้านบาท คือ โครงการ Pave บ้านโพธิ์-ฉะเชิงเทรา และในไตรมาส 2/61 ยังมีการเปิดโครงการอื่น ๆ ในฉะเชิงเทราเพิ่มเติม โดยในปีนี้บริษัทมั่นใจยอดขายทำได้ตามเป้าที่ 1.7 หมื่นล้านบาท

ส่วนรายได้ในปี 61 บริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) 50% จาก Backlog ที่มีอยู่ทั้งหมด 9.7 พันล้านบาท โดยรายได้จากการโอนคาดว่าจะเริ่มเห็นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป จากการเริ่มทยอยโอนโครงการ Saladaeng One และในไตรมาส 3/61 จะมีการเริ่มโอนโครงการ BEATNIQ สุขุมวิท 32

ส่วนงบลงทุนในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบซื้อที่ดิน 9 พันล้านบาท และงบลงทุนในการเข้าซื้อโครงการที่สหรัฐฯ 1 พันล้านบาท โดยงบลงทุนมาจากกระแสเงินสด เงินกู้สถาบันการเงิน และการออกหุ้นกู้ ซึ่งในปีนี้บริษัทจะมีการออกหุ้นกู้ 3-4 พันล้านบาท อายุเฉลี่ย 3 ปี เพื่อนำมาทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดอายุ 2.5 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการลงทุนอื่นๆที่วางแผนไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ