(เพิ่มเติม) ทีมผู้บริหารใหม่ GL ลั่นยึดหลักธรรมาภิบาลสร้างความโปร่งใส,เล็งฟ้องกลับ J Trust หลังศาลฯยกคำร้องฟื้นฟูกิจการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 19, 2018 16:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสกล หาญสุทธิวารินทร์ ประธานกรรมการ บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) เปิดเผยว่า บริษัทได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมาเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ความรับผิดชอบและความซื่อสัตย์สุจริต และมีการพิจารณากำหนดรายละเอียดและให้ความเห็นชอบ วิสัยทัศน์ กลยุทธ์ทางธุรกิจ ทิศทางของธุรกิจ นโยบายทางธุรกิจ เป้าหมาย แนวทาง แผนการดำเนินงาน งบประมาณของบริษัทและบริษัทย่อย กำกับดูแลการบริหารงานและผลการปฏิบัติงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่คณะกรรมการบริษัทกำหนด ตลอดจนติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานและงบประมาณของบริษัท

"หน้าที่หลักของคณะกรรมการชุดใหม่ทุกคน เรามีบทบาทร่วมกันในการกำกับดูแลและตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของบริษัทกรุ๊ปลีส โดยยึดหลักธรรมมาภิบาล ตามนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และร่วมมือกับผู้ตรวจสอบบัญชีให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้"นายสกล กล่าว

สำหรับทิศทางการทำธุรกิจในปี 61 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปีก่อน โดยยังคงมุ่งให้ความสำคัญกับการทำตลาดในกลุ่ม ลูกค้าใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อให้ครอบคลุมตามแผนธุรกิจและเป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทผ่านรูปแบบธุรกิจ "ดิจิทัล ไฟแนนซ์" และให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ในระดับรากหญ้าของประเทศต่าง ๆ

พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทยังมีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่าจำนวนหนี้สินและมีศักยภาพในการบริหารธุรกิจให้เติบโตและมีกำไร

นายอาลัน ฌอง ปาสคาล ดูเฟส ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน GL กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจในปี 61 บริษัทเตรียมเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดสินเชื่อรายย่อยในเมียนมา เนื่องจากมีอัตราการเติบโตของจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เดือนมี.ค.60 โดยแบ่งเป็นสินเชื่อรายย่อยประเภทกลุ่ม (Group Loan) จากเดิม 10,000 ราย ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 78,000 ราย นอกจากนี้ยังมีลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์จำนวน 9,000 ราย และ สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ (Entrepreneur Loan) ที่กำลังมีการขยายตัว โดยคาดการณ์ว่าในปี 61 นี้ จะมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อแต่ละประเภทเพิ่มขึ้นเป็น 160,000 ราย 25,000 ราย และ 500 ราย ตามลำดับ

ขณะที่นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GL กล่าวว่า ปีนี้บริษัทจะพยายามให้ผลการดำเนินงานพลิกกลับมามีกำไรจากปีก่อนที่ขาดทุน 1.8 พันล้านบาท จากการเดินหน้าขยายธุรกิจ โดยเฉพาะในเมียนมาที่มีการขยายตัวที่สูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้คาดว่าสินเชื่อในเมียนมาจะขยายตัวได้ 100%

รวมถึง บริษัทคาดว่าปีนี้จะไม่มีรายการตั้งสำรองฯพิเศษจากที่ปีก่อนมีรายการตั้งสำรองฯพิเศษไปกว่า 2.5 พันล้านบาทจากการปล่อยสินเชื่อในสิงคโปร์ ศรีลังกา และหมู่เกาะไซปรัส

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะฟ้อง J Trust Asia Pte. Ltd. (JTA) ซึ่งบริษัทย่อยของ J Trust Co., Ltd หรือไม่ หลังจากวันนี้ศาลล้มละลายกลางยกคำร้องฟื้นฟูกิจการที่ทาง JTA ได้ยื่นไปก่อนหน้านี้ เพราะทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง และราคาหุ้นปรับตัวลดลง ขณะที่บริษัทยังมีความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งมีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน โดยหากมีขัอสรุปออกมาจะแจ้งจะให้ทราบอีกครั้ง

อนึ่ง วันนี้ ศาลล้มละลายกลางได้ไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทที่ร้องโดย JTA และมีคำสั่งยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากจำนวนหนี้ที่ J Trust Asia Pte. Ltd. ได้ฟ้องเป็นจำนวนหนี้ที่ไม่แน่นอน เนื่องจากศาลแพ่งยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งแต่อย่างใด

นางสาวมานิดา ซินเมอร์แมน ตัวแทนที่ปรึกษาด้านกฏหมาย ของ GL เปิดเผยว่า ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องของ JTA โดยให้เหตุผลว่า GL ไม่ได้มีหนี้สินล้นพ้นตัว และยังมีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน อีกทั้งศาลฯต้องการให้การพิจารณาคดีที่อยู่ในการไต่สวนของศาลแพ่งมีคำตัดสินออมาก่อน พร้อมทั้งศาลล้มละลายกลางยังมีข้อสังเกตว่า JTA อาจมีเจตนาไม่สุจริตในการยื่นคำร้องฟื้นฟูกิจกการ อย่างไรก็ตาม JTA ยังมีสิทธิยื่นอุธรณ์ภายใน 30 วัน

"ในส่วนของวันนี้ที่ศาลล้มละลายกลางยกคำร้องของ JTA หลังจากที่ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งหลังจากนี้ทาง GL อาจจะมีการพิจารณาฟ้องกลับ JTA ได้ โดยมีเหตุผลของศาลล้มละลายกลางที่ให้มาประกอบ"นางสาวมานิดา กล่าว

ส่วนกรณี JTA ยื่นต่อศาลสิงคโปร์ ให้ดำเนินการทางฎหมายกับ Group Lease Holdings Pte.Ltd (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ และเป็นบริษัทลูกของบริษัท ทำให้ GLH ไม่ให้ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของ GLH ได้ ล่าสุด GLH ได้ร้องขอต่อศาลฯเพื่อให้ยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวเป็นผลสำเร็จ ดังนั้น GLH จึงไม่ถูกสั่งห้ามดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของ GLH ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญและเป็นสัญญาณที่ดีของบริษัท หากมีความคืบหน้ากรณีดังกล่าวบริษัทจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน หุ้นของ GL ยังคงมีเครื่องหมาย NP ปรากฏอยู่ เพราะยังไม่มีการแก้ไขงบการเงิน เนื่องจากต้องรอคำตัดสินจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI ) และอัยการสูงสุดก่อนจึงจะกลับไปแก้ไขงบการเงินได้ แต่ปัจจุบัน DSI ยังไม่ได้แจ้งให้บริษัทไปชี้แจงข้อมูลในเรื่องดังกล่าว ซึ่งยังคงต้องรอการติดต่อเข้ามาก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ