CI คาด backlog ดันรายได้ปี 52 โต 15-20%,ชะลอซื้อที่ดิน-เปิดโครงการใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 24, 2008 10:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในปี 52 รายได้ของบริษัทจะยังสามารถเติบโตในอัตรา 15-20% เช่นเดียวกันกับปีนี้ เนื่องจากบริษัทมียอดขายรอโอน(Backlog)หลายโครงการทั้ง"บ้านชานทะเล"ที่ชะอำ มูลค่าโครงการ 1.4 พันล้านบาท ขายได้แล้วกว่า 60% คาดว่าจะทยอยโอนได้หมดในครึ่งแรกปีหน้า และ"ศรีพันวา" ภูเก็ตที่ทยอยดำเนินการเป็นเฟสจากทั้งหมด 4 เฟส ปีนี้คงจะรับรู้รายได้เพียง 500-600 ล้านบาทจากมูลค่าโครงการ 2.5-3 พันล้านบาทและยังมีโครงการอื่นๆ

ทั้งนี้ ในปี 51 คาดว่ารายได้จะเติบโต 15-20%จากปี 50 ที่มีรายได้รวมประมาณ 950-1,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและบรรยากาศขณะนี้ที่ยังประเมินได้ยาก ทำให้บริษัทตัดสินใจที่จะชะลอแผนซื้อที่ดินใหม่ประมาณ 20 ไร่ที่ จ.ภูเก็ต และการซื้อเพิ่มที่ จ.กระบี่-อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎรธานี ที่จะใช้เม็ดเงินประมาณ 300-400 ล้านบาทเพื่อรองรับการขยายโครงการในอนาคต รวมทั้งชะลอการเปิดโครงการใหม่ๆ ออกไป หันมาพัฒนาโครงการที่มีอยู่ก่อน

บริษัทคงจะใช้เวลาประเมินสถานการณ์รอบด้านจนถึงไตรมาส 1/52 ว่าจะมีจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเปิดโครงการใหม่เมื่อใด แม้ว่าการเปิดโครงการในต่างจังหวัดจะให้อัตรากำไรดีกว่าในโครงการในกรุงเทพ รวมทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยง และหารายได้เพิ่มได้ด้วย

นายสงกรานต์ กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาโครงการเดิมที่มีอยู่นั้น บริษัทได้ปรับกลยุทธด้วยการเร่งสร้างโครงการให้เร็วขึ้นกว่ากำหนดเพื่อให้ขายได้เร็ว และยังเป็นการสร้างความได้เปรียบรายอื่นในการแย่งชิงลูกค้าให้ได้ก่อนภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติ ลูกค้าจะได้เห็นสินค้าและเลือกได้ ถึงแม้การเร่งสร้างจะทำให้ Cost เพิ่มขึ้นประมาณ 2% ของค่าใช้จ่ายก็ตาม

"แผนในปีหน้ายอมรับว่าประเมินได้ยากเหมือนกัน เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ที่ทำได้ตอนนี้คือการทำโครงการที่เรามีอยู่ให้ดีและเร่งการสร้างเร็วเพื่อให้เร็วกว่ากำหนดทุกโครงการ เพราะเป็นการฉกฉวยโอกาส ขณะที่การซื้อที่ดินไม่รีบ ก็ไม่แปลกอะไรในช่วงสถานการณ์อย่างนี้ ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาการเมือง เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทำให้เงียบ ยอดขายใหม่ลดลงไม่ว่าจะเป็นที่หัวหิน-ชะอำ พัทยาลดลง แต่ที่ภูเก็ตกระทบน้อยกว่า"นายสงกรานต์ กล่าว

นายสงกรานต์ กล่าวถึงแผนขยายกองทุนอสังหาริมทรัพย์บางกอก(BKKCP)ประมาณ 500-1,000 ล้านบาท จากมูลค่าของกองทุนฯ ที่มีอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาทนั้น ยังไม่ได้เป็นเรื่องเร่งรีบ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาทั้งในด้านความต้องการของผู้ซื้อหน่วยลงทุนและอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่าน่าจะได้เห็นในปีหน้า แต่ช่วงไหนคงยังตอบไม่ได้

แผนงานดังกล่าวล่าช้าออกมาจากแผนเดิมที่จะนำสินทรัพย์เข้ามาขยายกองทุนฯ ในช่วงครึ่งหลังปี 51 รวมทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างการคัดเลือกสินทรัพย์ที่จะโอนเข้าไปในกองทุนด้วย ซึ่งน่าจะเป็นสำนักงานให้เช่าที่ยังมีอัตราการเติบโตที่ยังดีอยู่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ