PAE คาด Q2/52 ดีต่อเนื่อง มองทั้งปี 52 รายได้มีสิทธิโตเท่าตัวจากปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 9, 2009 15:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศุขสนั่น โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการ บมจ.พีเออี(ประเทศไทย)(PAE)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/52 น่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/52 ที่ขาดทุนลดลงไปแล้ว จึงทำให้มองว่าทั้งปี 52 มีโอกาสที่รายได้ของบริษัทน่าจะออกมาดีกว่าปีก่อน โดยอาจสูงขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 300 ล้านบาทในปี 51 หากทำได้ตามแผนงาน โดยเฉพาะด้าน Oil&Gas ที่พร้อมรับงานเต็มที่ แต่จะพลิกเป็นกำไรได้หรือไม่ยังต้องลุ้น

"ปีที่แล้วเรามีความจำเป็นที่จะต้องลดงานลงมาเพื่อปรับปรุงศักยภาพ พอปีนี้ก็เริ่มรับงานเข้ามาในช่วงแรกๆ เมื่อต้นปีนี้ก็ต้องมีการวอร์มอัพ และก็ค่อยขยาย ทำให้เชื่อว่าทิศทางไตรมาส 2/52 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/52 เพราะเราก็เห็นผลดีขึ้น รายได้ปีนี้ทั้งปีน่าจะดีกว่าปีที่แล้วที่มี turnover ไม่ถึง 300 ล้านบาท ปีนี้ตามแผนน่าจะได้อีกเท่าตัวจากปีที่แล้ว เพราะปีที่แล้วเราแทบจะไม่ได้ทำงานเท่าไรเลย เพราะหน่วยงานของเราปีที่แล้วต้องหยุดเพื่อเป็นการปรับปรุง"นายศุขสนั่น กล่าว

บริษัทยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้ว่า จะพลิกสถานการณ์กลับมามีกำไรในปีนี้ได้หรือไม่ จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนกว่า 111 ล้านบาท เพราะทิศทางภาวะทางเศรษฐกิจในขณะนี้ยังมีความผันผวน ทำให้คาดการณ์ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากผู้ลงทุนที่เป็นเจ้าของงานมีระยะเวลาการลงทุนไม่ชัดเจน

นายศุขสนั่น กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังคงมีขาดทุนสะสมอยู่ และการลงทุนในปีนี้มีทั้งสถาบันและมีการกู้ผู้ถือหุ้นเข้ามาสนับสนุนด้วยบ้าง ส่วนปีหน้าการลงทุนขนาดใหญ่คงไม่มีมากนัก เพราะพื้นที่เราพร้อมอยู่แล้สว โดยอาจจะเป็นการลงทุนเครื่องมือเพิ่มเติม แต่เงินลงทุนส่วนใหญ่คงจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมศักยภาพในการรับงาน

*คาดประมูลงานใหม่ 100 ลบ.รู้ผลแน่ใน Q2,งาน Oil&Gas และ Upstream ไม่ลด

นายศุขสนั่น กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2/52 บริษัทยื่นประมูลงานใหม่ประมาณ 100 ล้านบาท จากที่ขณะนี้มีหลายงานที่บริษัทเข้าไปดำเนินการอยู่แล้ว โดยเฉพาะงานในตะวันออกกลาง และมีอีกหลายงานที่รอผลประมูลอยู่ คาดว่าภายในเดือนนี้หรือเดือนหน้าน่าจะได้เห็นความชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพทิศทางของบริษัทในครึ่งหลังของปีนี้

"ทางตะวันออกกลางตอนนี้ก็เริ่มมีงานออกมาแล้ว รอดูว่าจะหลุดออกมาเป็นอย่างไรและ under เรามีส่วนแค่ไหน เราจะเข้าไปมีส่วนแค่ไหน ครึ่งปีหลังนี้น่าจะเห็นภาพชัด"นายศุขสนั่น กล่าว

ส่วนงานในประเทศเพิ่มขึ้นเฉพาะทางด้านกระบวนการผลิตต้นน้ำในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ(Upstream Oil&Gas) โดยโรงประกอบและหน่วยงานของเราเริ่มรับงานเข้ามาได้แล้ว หลังจากที่ผ่านช่วงการปรับปรุงและเตรียมงาน

"ราคาหุ้นช่วงนี้เป็นไปตามภาวะเรามีความคาดหวังว่าตลาดกับผู้ลงทุนก็เข้าใจในการวางแผนงานของเรา ซึ่งจะเห็นว่าช่วงที่ปิดปรับปรุงผ่านไปแล้วเป็นช่วงที่ปรับงาน ตอนนี้ทางด้านงานการพัฒนาตลาด ต่างๆก็กำลังวางแนวที่จะเตรียมรับงานเข้าในหน่วยงานของเรา"นายศุขสนั่น กล่าว

สำหรับช่วงนี้ราคาน้ำมันปรับขึ้นจะส่งผลดีต่อบริษัทหรือไม่นั้น นายศุขสนั่น กล่าวว่า จริงๆ แล้วการพัฒนาทางด้าน Oil&Gas และ Upstream ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป เพราะผู้ดำเนินการรายใหญ่ต่างๆ ก็ดำเนินการไปเต็มที่ โดยเฉพาะขณะนี้ราคาค่าก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างตกลงมามากค่อนข้างจะ bottom out แล้ว เป็นช่วงที่มีการลงทุนในตะวันออกกลางค่อนข้างมาก

"เราใช้โอกาสในการที่ภาคการลงทุนต่ำเป็นจังหวะที่เราเข้าไปทำงาน เพราะตอนนี้ราคาการลงทุน ค่าก่อสร้างต่างๆ และพวกรายใหญ่ต่างๆ ที่ตะวันออกกลางตอนนี้ก็เริ่มดันงานออกมาบ้าง ซึ่งจะส่งผลต่อเรา"นายศุขสนั่น กล่าว

ผู้บริหาร PAE กล่าวว่า สาขาของบริษัทที่ไปเปิดไว้ในเมืองอาบูดาบีเพิ่งเรียบร้อยไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ก็เริ่มปฏิบัติเต็มที่ คาดการณ์ว่าทิศทางของพันธมิตรทางอาบูดาบีค่อนข้างจะมั่นคงในธุรกิจ Oil&Gas คิดว่าในสภาวะปัจจุบันเราก็มีโอกาสที่จะมองงานที่มีรายได้ดีกว่างานในประเทศ

"ที่จะเข้าไปทำในตะวันออกกลางปีนี้ก็มีงานที่ดำเนินการอยู่และคิดว่าภายในอีกไม่นานนี้อาจจะพอเห็นภาพเห็นผล"นายศุขสนั่น กล่าว

ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมัน ทางบริษัทโกลแมนด์แซคหรือเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่าภายใน 3 ปีข้างหน้าราคาน้ำมันอาจจะไปอยู่ในระดับ 140-150 ดอลลาร์ งานของเราก็ปกติเพราะเราอยู่ Upstreamไม่มีปัญหา แต่ปัญหาที่เราเคยเกิดขึ้นมา คือ ช่วงงานบางส่วนของเราอยู่ทางด้านปลายน้ำ (Downstream) ซึ่งงานปิโตรเคมีในตลาดหายไป

*ไม่เร่ง GPS ใช้สิทธิวอร์แรนต์ รอวิกฤติศก.โลกผ่านไปก่อน

นายศุขสนั่น กล่าวถึงกลุ่ม GPS ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักยังไม่ได้เข้ามาใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนต์)ที่ถือไว้ให้เป็นหุ้นสามัญในขณะนี้ เนื่องจากวิกฤติเศรษบกิจในช่วงที่ผ่านมาทำให้ราคาหุ้นในกระดานตกลงมาทั้งกระดาน แต่ปัจจุบันทางพันธมิตรก็ให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินเป็นลักษณะเงินกู้ยืมกับบริษัทในช่วงนี้ ส่วนข้อสรุปในการแปลงสภาพวอร์แรนต์จะเป็นเมื่อใด คงต้องดูจากราคาหุ้นและอีกหลายปัจจัย โดยเฉพาะต้องรอให้สถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจโลกผ่านพ้นไปก่อน

"ปัญหาของเรา เพราะแผนการลงทุนเรา แผนการเพิ่มทุนเดิมไม่เป็นไปตามแผน ผิดจากที่เราคาดการณ์ไว้เดิม ก็ต้องปรับไปด้วยและวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นมาลักษณะตลาดก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน เราก็ต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น"นายศุขสนั่น กล่าว

ส่วนที่นางจินตนา กาวีวงศ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นออกไปนั้น นายศุขสนั่น กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่าขาย แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นการขายให้กับใคร หรือขายให้กับกลุ่ม GPS หรือไม่ คงต้องรอการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ตามขั้นตอน

ทั้งนี้ นางจินตนา แจ้งผ่านสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ว่าได้จำหน่ายหุ้น PAE เมื่อวันที่ 26 พ.ค.52 สัดส่วน 3.33% คงเหลือถือ 9.99%

ขณะที่สาเหตุการขายน่าจะเป็นเรื่องธุรกิจส่วนของของผู้ถือหุ้น ไม่เกี่ยวกับทางบริษัท ส่วนจะมีผู้ถือหุ้นรายอื่นจะขายหุ้นอีกหรือไม่ ก็ยังไม่ทราบ แต่การจะมีกลุ่มทุนใหม่จากตะวันออกกลางรายอื่นเข้ามาเพิ่มอีกนอกจาก GPS หรือไม่นั้น ณ วันนี้เรายังอยู่ในช่วงที่ปรับปรุงขึ้นมา คิดว่าสถานการณ์คงต้องอีกสักพักหนึ่งให้เราดำเนินการด้านธุรกิจให้ชัดเจนก่อนจึงจะไปคุยกับเขาได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ