บลจ.ทิสโก้ ส่ง“ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 15% กอง 2"บุกตลาดต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday August 28, 2010 14:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนจะชะลอตัวลง แต่ก็เป็นไปตามความตั้งใจของรัฐบาลจีนที่ต้องการลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจหลังจากปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนโตสูงสุดตามนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

“ความจริงเรื่องการชะลอการเติบโตเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนทำถูกต้องแล้ว แต่เนื่องจากผู้ลงทุนไม่ค่อยแน่ใจว่ายาที่ให้จะแรงจนเศรษฐกิจจีนจะหยุดเติบโตหรือไม่ ทำให้แม้ว่ากำไรบริษัทจีนจะเติบโตดี แต่เงินลงทุนเข้าซื้อหุ้นจีนนั้นยังไม่มากทำให้ในปีนี้ราคาหุ้นจีนปรับตัวลดลง ผลตอบแทนจึงตามหลังประเทศในเอเชียอื่นๆ ค่อนข้างมาก สิ่งนี้ เองที่ทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทจีนเมื่อวัดด้วย PE แล้วยังอยู่ในระดับต่ำประมาณ 10 เท่า ซึ่งเรามองว่าเป็นระดับมูลค่าหุ้นที่ถูกและมีโอกาสที่ราคาหุ้นจีนจะปรับตัวขึ้นไปอีกค่อนข้างมาก ทั้งนี้ เพราะปกติหุ้นจีนที่ซื้อขายในตลาดฮ่องกงจะเทรดกันที่ PE ประมาณ 14 เท่า ซึ่งเท่ากับมีโอกาสได้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 40 หากราคาหุ้นกลับมาซื้อขายในระดับราคาดังกล่าวในอนาคต" นายธีรนาถ กล่าว

ล่าสุดได้เสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 15% # 2" (TISCO China Trigger 15% Fund # 2:TISCOCT2) อายุโครงการประมาณ 1 ปี มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เสนอขายตั้งแต่วันนี้ -10 ก.ย.2553 สนใจสามารถจองซื้อขั้นต่ำ 20,000 บาท ณ ธนาคารทิสโก้ ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร 02 633 6000 กด 4

สำหรับกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Lyxor ETF China Enterprise (HSCEI) (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ประเภทกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise (HSCEI) โดยกองทุนจะลงทุนในกองทุนดังกล่าว เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เหมาะสมสำหรับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังหลักทรัพย์ต่างประเทศ และต้องการได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมจากการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารแห่งทุนในต่างประเทศ โดยโอกาสที่จะได้รับกำไรจากมูลค่าหน่วยลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากผลตอบแทนของหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่กองทุนลงทุนไว้ ซึ่งกำไรที่ผู้ลงทุนได้รับจากการลงทุนในกองทุนรวม ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี ดังนั้นผู้ลงทุนควรมีความเข้าใจและสามารถยอมรับความเสี่ยงของการลงทุนในต่างประเทศได้

ทั้งนี้บริษัทจัดการสามารถจะเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุ หากหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 11.5000 บาท ณ วันทำการใดก่อนวันครบอายุโครงการ โดยกองทุนจะรับซื้อหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมดในวันทำการที่ 5 นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

“แม้เวลานี้ นักลงทุนอาจจะมองตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรปว่ายังไม่ค่อยมีการฟื้นตัวมากนัก ซึ่งกลับข้างกับภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียที่ยังมีทิศทางการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศจีน ที่มีตัวเลขการขยายตัวของภาคสินเชื่อและการส่งออกที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดในโลก โดยเฉลี่ยจะมีการเติบโตปีละประมาณ 8-10% จึงทำให้ล่าสุดจีนแซงหน้าประเทศญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าสถานะทางการเงินของจีนนั้นแข็งแกร่งมาก เงินทุนสำรองต่างประเทศก็มีมาก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้นักลงทุนสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในหุ้นของประเทศจีนมากขึ้น ดังนั้นช่วงนี้จึงถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะเข้าไปลงทุน โดยกองทุนที่เราเปิดขายในครั้งนี้ได้ตั้งเป้าหมายของผลตอบแทนไว้ที่ 15% จึงนับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชอบการลงทุนในต่างประเทศ" นายธีรนาถ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ