KTB เผยกำไรสุทธิ Q2/60 หด 62.9% หลังตั้งสำรองฯสูง-NPL ใกล้เคียง Q1/60

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 20, 2017 10:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกรุงไทย (KTB) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 2/60 ที่ระดับ 3.22 พันล้านบาท ลดลง 62.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังตั้งสำรองฯสูงถึง 1.39 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งมีการดำเนินงานหลักในอุตสาหกรรมเกษตรและเหมืองแร่ที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ ณ สิ้นไตรมาสนี้มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ระดับ 4.33% จากระดับ 4.36% ณ สิ้นไตรมาส 1/60

KTB เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 มีกำไรสุทธิ 3.22 พันล้านบาท ลดลง 62.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 62.26% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการกันสำรองทั้งหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่าฯเพิ่มขึ้น รวมถึงมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศลดลง

ในไตรมาส 2/60 มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 2.16 หมื่นล้านบาท ลดลง 2.58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งผลกระทบส่วนใหญ่เกิดจากการเติบโตของสินเชื่อในระดับต่ำในช่วงครึ่งแรกของปี ประกอบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ที่ลดลง 0.50% ในช่วงกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีจากนโยบายการบริหารต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) ไตรมาส 2/60 เท่ากับ 3.35% เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.28% ในไตรมาส 2/59

ขณะที่ในไตรมาส 2/60 มีการตั้งหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่าจำนวน 1.39 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.28% จากไตรมาส 2/59 จากกรณีที่กลุ่มลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งที่มีการดำเนินงานหลักในอุตสาหกรรมเกษตรและเหมืองแร่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ ธนาคารจึงได้ตัดสินใจกันสำรองหนี้สูญทั้งจำนวนของยอดสินเชื่อ สำหรับกลุ่มลูกค้ารายดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการบริหารความเสี่ยงและหลักเกณฑ์ความระมัดระวังของธนาคาร โดยมีอัตราส่วนเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) เท่ากับ 112.50% ใกล้เคียงกับ ณ สิ้นมี.ค.60 แต่ลดลงจาก 121.57% ณ สิ้นปี 59

ณ สิ้น มิ.ย.60 มีเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ (หลังหักรายได้รอตัดบัญชี) เท่ากับ 1.92 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.73% จาก ณ สิ้นปี 59 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากลูกค้าภาครัฐ ขณะที่มี NPL ระดับ 9.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.72% จากสิ้นปี 59 และมี NPL Ratio-Gross เท่ากับ 4.33% จากสิ้นปี 59 ทั้งนี้ สินเชื่อด้อยคุณภาพกว่า 40% เป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ค้างนาน สำหรับสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ และสินเชื่อกลุ่มลูกค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในบางอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ หากเทียบ ณ สิ้นมี.ค.60 การบริหารจัดการสินเชื่อด้อยคุณภาพที่มีประสิทธิภาพส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร อยู่ในระดับค่อนข้างคงที่จากไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลง 1.3 พันล้านบาท (1.3%) และ NPL Ratio-Gross ลดลง 0.03% เมื่อเทียบกับสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 1 แสนล้านบาท และ NPL Ratio-Gross ระดับ 4.36%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ