(เพิ่มเติม) SCC เผยกำไรสุทธิ Q1/61 ที่ 12,406 ลบ.ลดลง 29% จาก Q1/60 จากการแข่งขันรุนแรง-เงินบาทแข็งค่า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 25, 2018 17:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) แจ้งผลประกอบการงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.61 โดยเอสซีจีมีกำไรสำหรับงวด 12,406 ล้านบาท ลดลง 29% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ตามผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอล (ผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า กาไรจากส่วนได้เสียในบริษัทร่วมลดลง และต้นทุน Naphtha สูงขึ้น) ประกอบกับในไตรมาส 1/60 มีกำไรในรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำสุทธิภาษีประมาณ 1,900 ล้านบาท จากธุรกิจเคมิคอลและธุรกิจแพคเกจจิ้ง

สำหรับไตรมาส 1/61 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 118,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจแพคเกจจิ้งและธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง

ณ วันที่ 31 มี.ค.61 เอสซีจีมีสินทรัพย์รวม เท่ากับ 584,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 60 จำนวน 10,839 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจเคมิคอล ในไตรมาสที่ 1/61 มีรายได้จากการขาย 52,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จาก ไตรมาสก่อน แต่ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 8,135 ล้านบาท ลดลง 14% จากไตรมาสก่อน และลดลง 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปัจจัยเงินบาท แข็งค่าและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมลดลง

ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในไตรมาสที่ 1/61 มีรายได้จากการขาย 46,461 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 2,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสภาพตลาดที่ดีขึ้นตามฤดูกาล และการขยายตัวของการดำเนินงานในภูมิภาคอาเซียน

ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ในไตรมาสที่ 1/61 มีรายได้จากการขาย 21,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 1,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากตลาดเติบโตต่อเนื่องและผลจากการซื้อกิจการ ขณะที่ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีที่ผ่านมามีกำไรจากการขายสินทรัพย์

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า แม้จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งสภาพการแข่งขันที่รุนแรงทั้งในไทยและ ในภูมิภาค ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และค่าเงินบาทแข็งค่าที่เข้ามากระทบ อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2561 ของเอสซีจี ยังคงใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา จากความมุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าสู่ลูกค้า (Passion for better) โดยเร่งผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพัฒนานวัตกรรม พร้อมนำเสนอโซลูชั่นครบวงจร เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการเชิงลึกของลูกค้าทั่วอาเซียน

สำหรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของเอสซีจีในช่วงที่ผ่านมา เช่น การเปิดตัว "แอปพลิเคชัน HOME BUDDY" ที่เป็นช่องทางออนไลน์สำหรับปรึกษาปัญหา ค้นหาช่างหรือวัสดุเพื่อสร้างหรือซ่อมบ้าน ซึ่งเชื่อมต่อกับ SCG Online Store และ Digital Payment Solution เช่น SCG Wallet เพื่อเพิ่มความสะดวกในการซื้อและชำระ ค่าสินค้า หรือ "การนำเทคโนโลยีดาวเทียมมาใช้สำหรับการออกแบบติดตั้งหลังคาให้ลูกค้า" และการเปิดตัว "หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ" โดย SCG Eldercare Solution ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าชมพร้อมนวัตกรรมอื่นๆ เกี่ยวกับบ้านได้ ใน "งานสถาปนิก’61" วันที่ 1-6 พ.ค. นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ส่วนโซลูชั่นใหม่ ๆ ที่เอสซีจีส่งมอบให้ลูกค้า เช่น "โซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ" (Floating Solar Solution) รายแรกของไทย หรือ "Total Packaging Solutions Provider" ที่ให้บริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ การผลิต และการจัดเก็บบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ใช้แล้วมา Recycle รวมทั้ง "SCG Express" ที่เตรียมขยายจุดบริการรับส่งพัสดุให้ลูกค้า รายย่อยแบบ One-Stop Service ในสถานีบริการน้ำมันกว่า 100 แห่ง โดยตั้งเป้าขยายจุดบริการครอบคลุม ทั่วประเทศภายในกลางปีนี้

นอกจากนี้ เอสซีจี ยังมุ่งพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services - HVA) โดยเน้นร่วมมือกับลูกค้าหรือสถาบันชั้นนำต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งไตรมาสนี้ เอสซีจีมียอดขาย HVA 45,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 39% ของยอดขายรวม โดยใช้งบประมาณการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกว่า 1,206 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1 ของยอดขายรวม

ส่วนการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนนั้น ล่าสุดได้เข้าถือหุ้นเพิ่มเติมเป็น 50.9% ในบริษัท Binh Minh Plastics Joint Stock Company ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายท่อและข้อต่อ PVC ชั้นนำทางตอนใต้ของเวียดนามและจัดตั้ง Trading Company โดยเข้าถือหุ้นร้อยละ 50 ในบริษัท PT Nusantara Polymer Solutions ในอินโดนีเซีย เพื่อจัดจำหน่ายเม็ดพลาสติกที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายฐานสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงให้เจริญเติบโตได้ในอาเซียน รวมทั้งจัดตั้ง SCG Roofing Center ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งเป็นศูนย์บริการหลังคา ฝ้า ผนังครบวงจรแห่งแรกในต่างประเทศ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของตลาดและเปิดโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มประเทศ AEC อีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ