หลังตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์บวก 84.51 จุด หรือ 0.50% แตะ 17,058.82 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ขยับลง 0.82 จุด หรือ 0.04% ที่ระดับ 1,981.48 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.50 จุด หรือ 0.05% สู่ระดับ 4,546.73 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐขยายตัว 3.5% ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2557
ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2557 ออกมาดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวในอัตรา 3% หลังจากที่ขยายตัว 4.6% ในไตรมาสสอง และหดตัว 2.1% ในไตรมาสแรก
การเปิดเผยข้อมูลที่สดใสดังกล่าวมีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ดำเนินการมาเป็นเวลา 6 ปี เนื่องจากเฟดเล็งเห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินที่รุนแรง
โดยถึงแม้เฟดได้ให้คำมั่นว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อไป แต่ข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาเป็นบวก ก็อาจเปิดช่องให้เฟดกลับมาส่งสัญญาณนโยบายการเงินเชิงเข้มงวดได้
นอกจากตัวเลขจีดีพีแล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค. ปรับตัวขึ้น 3,000 ราย แตะที่ 287,000 ราย โดยถึงแม้ปรับตัวขึ้น แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็ยังอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวดี
อย่างไรก็ดี แม้ภาวะการซื้อขายโดยรวมถูกดดันจากความกังวลที่ว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด แต่ดัชนีดาวโจนส์สามารถเคลื่อนไหวในแดนบวก เพราะได้แรงหนุนจากหุ้นวีซ่าที่พุ่งขึ้นถึง 7.6% ในช่วงเปิดตลาด หลังจากที่บริษัทเผยผลประกอบการแข็งแกร่งเกินคาด