ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 110.94 จุด ขานรับโอเปกลดการผลิตน้ำมัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 29, 2016 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบทะยานที่ขึ้นกว่า 5% หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) มีมติปรับลดการผลิตน้ำมัน ซึ่งการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,339.24 จุด พุ่งขึ้น 110.94 จุด หรือ +0.61% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,318.55 จุด เพิ่มขึ้น 12.84 จุด หรือ +0.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,171.37 จุด เพิ่มขึ้น 11.44 จุด หรือ +0.53%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นกว่า 5% หลังจากกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลงในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการซึ่งขึ้นที่ประเทศแอลจีเรียเมื่อวานนี้ โดยที่ประชุมมีมติปรับลดการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5 - 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน

นายโมฮัมหมัด บิน ซาเลห์ อัล-ซาดา ประธานโอเปกได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมที่ยืดเยื้อยาวนานกว่า 6 ชั่วโมงเสร็จสิ้นลง โดยยืนยันว่า ที่ประชุมได้บรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน และตกลงที่จะจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่พิจารณาส่วนแบ่งด้านการผลิตของสมาชิกโอเปกแต่ละประเทศ และจากนั้นจะยื่นรายงานต่อที่ประชุมโอเปกครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในเดือนพ.ย.

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น นำโดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ทะยานขึ้น 4.4% หุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้น 3.2%

หุ้นดอยซ์ แบงก์ พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากดอยซ์ แบงก์ ประกาศขายกิจการบริษัทแอบบี ไลฟ์ ให้แก่บริษัทฟีนิกซ์ ไลฟ์ โฮลดิ้งส์ ซึ่งตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร เป็นจำนวนเงิน 935 ล้านปอนด์ (1.09 พันล้านยูโร) ทางด้าน Die Zeit ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ของเยอรมันรายงานว่า รัฐบาลเยอรมันและสถาบันการเงินหลายแห่งกำลังเตรียมแผนให้ความช่วยเหลือธนาคารดอยซ์ แบงก์ หากทางธนาคารไม่สามารถระดมทุนสำหรับค่าใช้จ่ายในกระบวนการทางกฎหมาย หลังถูกทางการสหรัฐสั่งปรับ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า ธนาคารสหรัฐมีเงินทุนในระดับที่เพียงพอ พร้อมกับกล่าวว่าภาคธนาคารพึ่งพาเงินทุนระยะสั้นน้อยลง และมีประสิทธิภาพในการทำกำไรมากขึ้น นับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตการเงิน นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2/2559 และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค. ส่วนในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ