ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของเยอรมนี ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ยังคงมีการขยายตัวในไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการในวันที่ 24 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.3% ปิดที่ 341.84 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,542.56 จุด เพิ่มขึ้น 13.35 จุด หรือ +0.29% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,689.26 จุด เพิ่มขึ้น 26.82 จุด หรือ +0.25% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,829.20 จุด เพิ่มขึ้น 11.49 จุด หรือ +0.17%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของเยอรมนี โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) รายงานเมื่อวานนี้ว่า GDP ไตรมาส 3 ขยายตัว 0.2% ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้
รายงานของ Destatis ยังระบุด้วยว่า การอุปโภคบริโภคในภาครัฐพุ่งขึ้น 1% ในไตรมาส 3 หลังจากรัฐบาลนำงบประมาณไปใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือผู้อพยพจำนวนมาก ส่วนการอุปโภคบริโภคในภาคครัวเรือน ปรับตัวขึ้น 0.4% โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น
ทางด้าน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนียังคงแข็งแกร่งในเดือนพ.ย. โดยแตะที่ระดับ 110.4 ซึ่งผลสำรวจความเชื่อมั่นล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า ภาคธุรกิจของเยอรมนียังคงมีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ แม้สถานการณ์ทางการเมืองกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวผันผวน โดยหุ้นโบลิเดน บริษัทเหมืองรายใหญ่ของสวีเดน พุ่งขึ้น 1.6% และหุ้นอาร์เซลอร์มิททัล ปรับตัวขึ้น 1.4% แต่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ลดลง 0.2% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอส ขยับลง 0.1%
หุ้นธิสเซ่นครุปป์ เอจี (Thyssenkrupp AG) ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ปิดตลาดขยับลงเพียง 0.1% หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 2% ในระหว่างวัน ภายหลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยกำไรสุทธิประจำปีงบการเงิน 2559 ปรับตัวลดลง 4% แตะ 296 ล้านยูโร จากระดับ 309 ล้านยูโรในปีการเงินก่อนหน้า