ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) จากความวิตกกังวลที่ว่า การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจประสบความล่าช้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 374.03 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,994.70 จุด ลดลง 7.73 จุด หรือ -0.15% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,904.12 จุด ลดลง 58.01 จุด หรือ -0.48% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,324.72 จุด ลดลง 53.62 จุด หรือ -0.73%
นักลงทุนวิตกกังวลว่าการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลของปธน.ทรัมป์อาจล่าช้าออกไป หลังจากที่เขาประสบปัญหาในการรวบรวมเสียงสนับสนุนของสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสในการยกเลิกโครงการ"โอบามา แคร์"
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเตรียมลงมติต่อร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" แทน "โอบามาแคร์" ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่ตลาดกังวลว่าความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการผ่านร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" จะส่งผลกระทบทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์ เช่น การปฏิรูปภาษี, การผ่อนคลายกฎระเบียบ และการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภค ต้องล่าช้าออกไป
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นดอยซ์แบงก์ ดิ่งลง 1.7% หุ้นเครดิต อากริโคล ปรับตัวลง 0.7% และหุ้นบาร์เคลย์ส ร่วงลง 2.7% ส่วนหุ้นไอเอ็นจี กรุ๊ป ร่วงลง 4% หลังจากมีรายงานว่า ไอเอ็นจีกำลังถูกทางการเยอรมนีตรวจสอบในคดีอาญาและข้อหาการติดสินบน
หุ้นเฟียต ไครส์เลอร์ ปรับตัวลง 0.6% หลังจากอัยการฝรั่งเศสเริ่มเปิดฉากการตรวจสอบกรณีการโกงค่าตรวจสอบไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซล