ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 2.67 จุด นลท.ชะลอซื้อขายก่อนวันหยุด Memorial Day

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday May 27, 2017 06:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนถึงช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวัน Memorial Day สุดสัปดาห์นี้ ขณะที่ดัชนี NASDAQ และ S&P500 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,080.28 จุด ลดลง 2.67 จุด หรือ -0.01% จุด ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,210.19 จุด เพิ่มขึ้น 4.94 จุด หรือ +0.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,415.82 จุด เพิ่มขึ้น 0.75 จุด หรือ +0.03%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้มีปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนถึงช่วงวันหยุดยาวในสุดสัปดาห์นี้ ถึงแม้สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นบวกหลายรายการก็ตาม โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับเพิ่มตัวเลขการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1 ปี 2560 เป็น 1.2% ซึ่งสูงกว่าระดับ 0.7% ในการประมาณการครั้งแรก และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 0.9% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค การลงทุนภาคธุรกิจ และการใช้จ่ายภาครัฐที่แข็งแกร่งกว่าในรายงานเบื้องต้นเมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม แม้จีดีพีไตรมาสแรกจะได้รับการปรับทบทวนขึ้น แต่อัตราขยายตัวที่ 1.2% ก็ยังถือว่าต่ำ โดยเป็นอัตราขยายตัวที่ต่ำที่สุดในรอบปี ลดลงจากระดับ 2.1% ในไตรมาส 4 ของปี 2559

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยด้วยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ปรับตัวลดลง 0.7% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐเริ่มชะลอความร้อนแรงลง อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.ลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงถึง 1%

ขณะที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นสุดท้ายของเดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 97.1 จากระดับ 97.0 ในเดือนเม.ย. แต่ต่ำกว่าตัวเลขขั้นต้นที่ระดับ 97.7

นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า ภาพรวมภาวะตลาดหุ้นสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีทิศทางที่สดใส โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 1.3% ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.1% และ 1.4% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนมักเกิดความลังเลในการลงทุน เมื่อถึงช่วงวันหยุดยาวในสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนบางส่วนยังเกิดความวิตกกังวล ภายหลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ได้ออกมาแสดงความวิตกว่า เงินเฟ้อของสหรัฐในปัจจุบันยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อพิจารณาจากการที่เฟดกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2%

นายบูลลาร์ด ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการเฟดที่ไม่มีสิทธิออกเสียงในการกำหนดนโยบายการเงินในปีนี้ ระบุว่า ระดับราคาผู้บริโภคของสหรัฐอยู่ในทิศทางที่ต่ำกว่ากรอบราคาในช่วงปี 1995 - 2012 ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราเงินเฟ้อขยายตัวเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟดในแต่ละปี

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังคงมีความน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน แม้ว่าที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะยังไม่สามารถผลักดันนโยบายปฏิรูปภาษีและการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรมก็ตาม

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่น่าจับตา หุ้นนูทานิกซ์ อิงค์ พุ่งขึ้น 11.5% หลังบริษัทคลาวด์คอมพิวติงยักษ์ใหญ่ดังกล่าว รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด

หุ้นแบล็คเบอร์รี ลดลง 1% แม้บริษัทเปิดเผยว่าได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการยุติข้อพิพาททางกฎหมายกับควอลคอมน์ ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ โดยควอลคอมน์จะยอมจ่ายเงินทั้งสิ้น 940 ล้านดอลลาร์ให้กับแบล็คเบอร์รีก่อนวันที่ 31 พ.ค.นี้

นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ G7 ที่เมืองตาออร์มินา อิตาลี ซึ่งจะเสร็จสิ้นลงในวันนี้ตามเวลาทิ้งถิ่น โดยคาดกันว่า ที่ประชุมจะหลีกเลี่ยงการหารือในประเด็นการกีดกันทางการค้า เพื่อลดการกระทบกระทั่งกับสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ