ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 36.30 จุดจากแรงขายหุ้นเทคโนฯ, ตลาดจับตาประชุมเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 13, 2017 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 มิ.ย.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัทหลักทรัพย์มิซูโฮได้ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นบริษัทแอปเปิล อิงค์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นในวันที่ 13-14 มิ.ย. โดยมีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,235.67 จุด ลดลง 36.30 จุด หรือ -0.17% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,429.39 จุด ลดลง 2.38 จุด หรือ -0.10% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,175.46 จุด ลดลง 32.45 จุด หรือ -0.52%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทหลักทรัพย์มิซูโฮได้ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของแอปเปิลลงสู่ 'neutral' จาก 'buy'

ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.7% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปรับตัวลง 1.4% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.2% และหุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 1.6%

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากบริษัทโวยา ไฟแนนเชียล กล่าวว่า แม้การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้สร้างความวิตกกังวลต่อตลาด หลังจากที่หุ้นกลุ่มดังกล่าวนำตลาดทะยานขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการที่สดใสของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของตลาดแล้ว เชื่อว่านักลงทุนจำนวนหนึ่งจะยังคงเห็นโอกาสในการทำกำไรในหุ้นกลุ่มนี้

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 1% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1% และหุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้น 1.3%

หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) พุ่งขึ้น 3.6% จากข่าวที่ว่า นายเจฟฟ์ อิมเมลท์ จะลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของบริษัท หลังจากที่ได้คุมบังเหียน GE มาเป็นเวลานานเกือบ 16 ปี โดยบริษัทจะแต่งตั้งนายจอห์น แฟลนเนรี เป็นซีอีโอคนใหม่

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตเสื้อผ้าสำหรับออกกำลังกายปรับตัวขึ้น โดยหุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ทะยานขึ้น 5% และหุ้นฮานส์แบรนด์ส พุ่งขึ้น 3.4%

นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 13-14 มิ.ย.นี้ ขณะที่มีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 95.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ