ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 335.60 จุด เหตุข่าว"เฟซบุ๊ก"ถูกล้วงข้อมูลฉุดหุ้นเทคโนฯดิ่งหนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 20, 2018 06:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) เนื่องจากการดิ่งลงอย่างหนักของหุ้นเฟซบุ๊กได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงด้วย โดยหุ้นเฟซบุ๊กทรุดตัวลงจากรายงานข่าวที่ว่า แคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคนโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความผันผวนทางการเมืองในสหรัฐ และการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ตามเวลสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,610.91 จุด ร่วงลง 335.60 จุด หรือ -1.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,712.92 จุด ลดลง 39.09 จุด หรือ -1.42% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,344.24 จุด ลดลง 137.74 จุด หรือ -1.84%

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการล้วงข้อมูลของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊ก หลังจากมีรายงานว่า แคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมืองและมีความเกี่ยวข้องกับทีมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2559 นั้น สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์การถูกล้วงข้อมูลครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของเฟซบุ๊ก

ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 6.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2557 นอกจากนี้ ยังได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงด้วย โดยหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 3% หุ้นอเมซอน ปรับตัวลง 1.7% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 1.5% หุ้นทวิตเตอร์ ลดลง 1.7% หุ้นสแนป ดิ่งลง 3.5% และหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.5%

หุ้นเคแอลเอ-เทนคอร์ คอร์ป ร่วงลง 3.9% หลังจากบริษัทประกาศแผนเข้าซื้อ ออร์โบเทค ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีไฟฟ้าของอิสราเอล ในวงเงิน 3.4 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความผันผวนทางการเมืองในสหรัฐ หลังจากสื่อรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมพิจารณาปลดนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ แม้ว่าทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวก็ตาม ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ได้ตัดสินใจปลดพลโท เฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ แมคมาสเตอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ และปลดนายแอนดรูว์ แม็กเคบ รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ออกจากตำแหน่ง ขณะที่มีแนวโน้มปลดพล.อ.จอห์น เคลลี หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว ออกจากตำแหน่งเช่นกัน

นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค. ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2560, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ