ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบเงินสกุลหลัก ตลาดผิดหวังข้อมูลจ้างงานสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 29, 2016 07:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อข้อมูลแรงงานของสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนได้ซึมซับแถลงการณ์การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 105.44 เยน จากระดับ 105.64 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9813 ฟรังก์ จากระดับ 0.9915 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3175 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3216 ดอลลาร์แคนาดา

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1073 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1009 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.3154 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3172 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 0.7499 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7464 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 266,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 ก.ค. โดยปรับตัวขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 260,000 ราย

นักลงทุนได้ซึมซับถ้อยแถลงของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ที่ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ขณะที่เฟดคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และระบุย้ำว่าจะยังคงจับตาสิ่งบ่งชี้เงินเฟ้อ รวมทั้งพัฒนาการทางการเงิน และเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิดต่อไป "ความเสี่ยงในระยะใกล้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจได้ลดน้อยลง" แถลงการณ์ของเฟดระบุ ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ไม่ได้ปรากฎในแถลงการณ์เดือนที่แล้ว และเป็นการเปิดช่องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าแถลงการณ์เฟดบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ขณะที่บางรายมองว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. เพื่อรอให้ผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.

นักลงทุนจับตาตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า จีดีพีจะขยายตัว 2.6% ในไตรมาส 2 หลังจากที่เติบโต 1.1% ในไตรมาส 1


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ