ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนค่าเทียบเงินสกุลหลัก หลังสหรัฐเผยข้อมูลศก.อ่อนแอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 23, 2017 07:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 พ.ย.) จากแรงกดดันของข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยกรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม แม้กรรมการเฟดส่วนหนึ่งยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อก็ตาม

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1817 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1745 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3311 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3244 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7608 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7581 ดอลลาร์

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 111.26 เยน จากระดับ 112.38 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9820 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9915 ฟรังก์สวิส

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.66% สู่ระดับ 93.330 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันให้อ่อนค่าลง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 2.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.2% ในเดือนต.ค. ส่วนทางกับตัวเลขคาดการณ์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4 %

ทั้งนี้ การร่วงลงของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ ขณะที่คำสั่งซื้อรถยนต์ปรับตัวขึ้น

นักลงทุนยังซึมซับรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ของเฟด ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยกรรมการเฟดยังคงประเมินภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐไว้ที่ระดับเดียวกับการประเมินครั้งก่อน โดยเชื่อว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคเอกชนจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตในระยะใกล้นี้ พร้อมระบุว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งจากพายุเฮอร์ริเคน

"กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ครั้งต่อไปในเดือนธ.ค.นั้น ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม หากข้อมูลที่เราได้รับมาบ่งชี้ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง" รายงานการประชุมระบุ

อย่างไรก็ตาม กรรมการเฟดบางคนได้แสดงความกังวลว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย แม้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 17 ปี ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคลซึ่งเป็นตัวเลขที่เฟดให้ความสำคัญเนื่องจากสามารถบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้นเพียง 1.6% ในเดือนก.ย. ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ดังนั้นจึงเห็นว่า เฟดควรดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ขณะที่กรรมการเฟดอีกส่วนหนึ่งมองว่า ภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ประกอบกับนโยบายการเงินในปัจจุบันซึ่งยังคงอยู่ในลักษณะผ่อนคลายนั้น อาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างฉับพลันในวันข้างหน้า พร้อมกับเตือนว่า การประวิงเวลานานเกินไปในการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน หรือถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงินช้าเกินไป อาจจะสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินภายในประเทศ

สำหรับการประชุมซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ