Analysis: นักวิเคราะห์ชี้วิกฤตคาบสมุทรเกาหลีอาจกระทบทริปเยือนเอเชียของ "ทรัมป์"

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 11, 2017 13:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ของสหรัฐ กล่าวว่า ทริปการเดินทางเยือนเอเชียของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนหน้าอาจเต็มไปด้วยการเจรจาที่มีความตึงเครียดสูง เนื่องจากวิกฤตเหนือคาบสมุทรเกาหลียังไม่มีวี่แววว่าจะคลี่คลายลง

ทริปการเดินทางเยือนเอเชียในครั้งนี้มีขึ้น ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างนายทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งได้ทำสงครามน้ำลายกันมาตลอดในปีนี้

นายบรูซ คลิงเนอร์ นักวิจัยอาวุโสและผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือของศูนย์การศึกษาเอเชียแห่งมูลนิธิ Heritage Foundation กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า "แม้นายทรัมป์ต้องการจะบรรลุเป้าหมายหลายประการในระหว่างการเดินทางเยือนเอเชีย แต่เรื่องการรับมือกับเกาหลีเหนือน่าจะเป็นประเด็นใหญ่สุดของการเดินทางในครั้งนี้"

นายคลิงเนอร์ กล่าวว่า ทรัมป์จะพบปะพูดคุยและวางนโยบายเกี่ยวกับเกาหลีเหนือร่วมกับผู้นำประเทศต่างๆ พร้อมให้คำมั่นกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เกี่ยวกับแนวทางการป้องกันสำหรับ 2 ประเทศ

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยกล่าวไว้ว่า สหรัฐอาจเลือกใช้ปฏิบัติการทหารเพื่อจัดการกับโครงการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ออกมาขู่ว่า เกาหลีเหนือจะต้องเผชิญกับ "ไฟ ความเดือดดาล และอานุภาพที่ร้ายแรงของสหรัฐ ในแบบที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน"

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า "ในช่วงเวลากว่า 25 ปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีหลายคนของสหรัฐเคยพยายามเจรจากับเกาหลีเหนือ โดยเราได้มีการทำข้อตกลงต่างๆ และเสียเงินไปกับเรื่องนี้เป็นจำนวนมหาศาล แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากเกาหลีเหนือละเมิดข้อตกลงก่อนที่หมึกลงนามจะแห้งเสียอีก เพราะฉะนั้น คงมีเพียงสิ่งเดียวที่จะจัดการกับเกาหลีเหนือได้!"

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์โรดอง ซินมัน ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลเกาหลีเหนือ ก็ได้รายงานแถลงการณ์ของทางการเกาหลีเหนือเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า "วันใดที่สหรัฐบังอาจข่มขู่เราด้วยอาวุธนิวเคลียร์และการคว่ำบาตร วันนั้นแผ่นดินสหรัฐจะต้องลุกเป็นไฟ" นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังขู่ที่จะยิงขีปนาวุธใส่เกาะกวมอีกด้วย

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์มีกำหนดจะเดินทางมายังเอเชียในเดือนพฤศจิกายน เพื่อพบปะกับผู้นำจีน เวียดนาม เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ ขณะที่ความตึงเครียดระหว่าง 2 ภูมิภาคกำลังทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ โดยนายคลิงเนอร์กล่าวว่า เกาหลีใต้และญี่ปุ่นต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับศักยภาพทางทหารของเกาหลีเหนือมานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกาหลีเหนือประกาศประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) และระเบิดไฮโดรเจน พร้อมขู่ด้วยว่า เทคโนโลยีขีปนาวุธของเกาหลีเหนือมีความล้ำหน้าและสามารถโจมตีเป้าหมายในสหรัฐด้วยหัวรบนิวเคลียร์ได้อย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ ทรัมป์ก็ยังเผชิญกับกระแสต่อต้านจากคนในพรรคเดียวกัน หลังจากที่นายบ็อบ คอร์กเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐ ออกมาเตือนว่า ความใจร้อนของนายทรัมป์อาจนำพาสหรัฐเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 แม้สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนจะมองว่า คำกล่าวของเขาออกจะดูเกินจริงไปก็ตาม

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า คำกล่าวของนายคอร์เกอร์คือสิ่งที่ถึงสะท้อนความคิดเห็นของสมาชิกพรรครีพับลิกันที่ไม่กล้าออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งพวกเขาเริ่มจะหมดความอดทนกับนิสัยที่เป็นคนใจร้อนของทรัมป์แล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้นายคอร์เกอร์และสมาชิกคนอื่นๆของพรรครีพับลิกันจะยังคงเชื่อมั่นในนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐ แต่พวกเขาก็ยังอดกังวลไม่ได้ว่า แถลงการณ์หรือข้อความบนทวิตเตอร์ที่แสดงออกถึงการยั่วยุจากทรัมป์นั้น อาจทำให้สถานการณ์ต่างๆเลวร้ายลงอีก

บทวิเคราะห์โดย แมทธิว รัสลิง

สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ