รายงานของกระทรวงระบุว่า ในช่วงเวลา 12 เดือนจนถึงเดือนต.ค.ปีนี้ ดัชนี CPI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 1.7% ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานในช่วงเวลาดังกล่าวปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.8%
ปัจจัยที่ทำให้ดัชนี CPI เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระดับ 2% นั้น มาจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจทั่วโลกและสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า นับเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนี CPI ของสหรัฐชะลอตัวลงด้วย
ทั้งนี้ ราคาพลังงานปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 โดยราคาน้ำมันเบนซินลดลง 3% ขณะที่ราคาอาหารขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนต.ค.
ก่อนหน้านี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในเดือนต.ค. ปรับตัวขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากราคาบริการและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ถ่วงราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตจะลดลงอีก 0.1% หลังจากที่ลดลง 0.1% ในเดือนก.ย. เนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมันโลก
ข้อมูลดัชนี CPI และ PPI สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มเงินเฟ้อโดยรวมในสหรัฐยังคงไม่รุนแรง ซึ่งอาจเปิดทางให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับใกล้ 0% ต่อไปได้นานขึ้น หลังจากที่เฟดเพิ่งยุติโครงการซื้อสินทรัพย์รายเดือนไปเมื่อเดือนต.ค. เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง