การปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวในอัตราที่เร็วขึ้น จะสะท้อนให้เห็นว่า ภาวะแวดล้อมมหภาคนั้นดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เตือนว่า แรงกดดันด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่มีต่อระบบธนาคารน่าจะยังคงมีอยู่ต่อไป เมื่อพิจารณาจากหนี้สินภาคเอกชนที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วมาตั้งแต่ปี 2554 ประกอบกับเศรษฐกิจประเทศที่อ่อนตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 จนถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2557
ฟิทช์ระบุว่า ผลการปฏิบัติงานโดยรวมในไตรมาส 2 ของธนาคารพาณิชย์ 11 แห่งในที่จดทะเบียนของไทย สะท้อนให้เห็นว่า ภาวะแวดล้อมด้านมหภาคและธุรกิจอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง การทำกำไรและการขยายตัวของการปล่อยสินเชื่อปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม การปล่อยสินเชื่อยังขยายตัวในระดับต่ำเมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยในอดีต
ฟิทช์ยังคงการประเมินที่ว่า เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในจุดที่เหมาะสมที่จะฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงฉับพลันเชิงลบระยะสั้น และมีแนวโน้มว่า ไทยจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยที่ยืดเยื้อ และฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สมมติฐานที่ว่า ภาวะแวดล้อมทางการเมืองของไทยค่อนข้างมีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ตาม หนี้ของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ปี 2553 ยังเป็นสิ่งที่น่ากังวลสำหรับภาคธนาคารไทย ถึงแม้แนวโน้มในระยะสั้นโดยรวมยังคงมีเสถียรภาพก็ตาม ข้อมูลจนถึงเดือนมี.ค. 2557 ระบุว่า การปล่อยสินเชื่อของธนาคารให้กับภาคเอกชนคิดเป็นเกือบ 155% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไทยจึงกลายเป็นประเทศที่มีอัตราส่วนหนี้สินภาคเอกชนต่อจีดีพีที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดาตลาดเกิดใหม่ ซึ่งบ่งชี้ว่า แรงกดดันด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังจัดเป็นความเสี่ยงอยู่ เมื่อพิจารณาจากหนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วประกอบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน