สถานทูตจีนในสหรัฐอเมริกาได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า จีนรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากและจะต่อต้านการกระทำแต่เพียงฝ่ายเดียวของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งต้องการกีดกันการนำเข้าสินค้าจากจีน
"จีนไม่ต้องการทำสงครามการค้ากับใคร แต่เราก็ไม่กลัว และจะไม่ล่าถอยจากสงครามค้าใดๆ หากมีสงครามการค้าเกิดขึ้นจากการกระทำของสหรัฐ จีนก็จะต่อสู้เพื่อปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศจนถึงที่สุด โดยใช้ทุกวิธีการที่จำเป็น" สถานทูตจีนในสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐลงนามในคำสั่งให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้นั้น นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของสหรัฐที่เป็นภัยคุกคามต่อการค้าทั่วโลก
นอกจากนี้ แถลงการณ์ของสถานทูตจีนในสหรัฐยังระบุว่า "การกระทำดังกล่าวของสหรัฐเป็นการทำร้ายตัวเอง ซึ่งจะย้อนกลับมาทำร้ายผลประโยชน์ของผู้บริโภค, บริษัทต่างๆ และตลาดการเงินของสหรัฐเองด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นอันตรายต่อการค้าระหว่างประเทศและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของโลก"
"ที่ผ่านมานั้น จีนได้แสดงความจริงใจด้วยการมอบข้อเสนอที่เหมะสมแก่สหรัฐ และใช้ความพยายามอย่างหนักในการแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ เราขอเรียกร้องให้สหรัฐยุติและล้มเลิก, พิจารณาอย่างรอบคอบ, และหลีกเลี่ยงการกระทำที่ทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐตกอยู่ในอันตราย เป้าประสงค์ที่ต้องการทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้ สุดท้ายแล้วจะกลับเข้ามาทำร้ายตัวเอง" แถลงการณ์ของสถานทูตจีนระบุ
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของสหรัฐ (ITIF) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เชี่ยวชาญในด้านนโยบายเทคโนโลยีของสหรัฐ พบว่า การกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITIF) จากจีนไว้ที่ 25% นั้นจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเสียหายเป็นมูลค่าถึง 3.32 แสนล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า