World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 15, 2018 09:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 8 เมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐและจีนกำลังร่วมมือกันเพื่อเปิดทางให้บริษัท ZTE ของจีนสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจอีกครั้ง หลังจากที่ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.

-- นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเดินทางเยือนสหรัฐตั้งแต่วันที่ 15 - 19 พฤษภาคม เพื่อหารือประเด็นข้อพิพาททางการค้าระดับทวิภาคี โดยจะพบปะกับเจ้าหน้าที่สหรัฐหลายราย ซึ่งรวมถึงนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ

สำหรับความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนคว้าน้ำเหลวในการเจรจาที่กรุงปักกิ่งในช่วงต้นเดือนนี้ โดยทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อคลี่คลายความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องภาษีนำเข้า ขณะที่ก่อนหน้านี้ สหรัฐได้ขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นมูลค่า 1.50 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้นโยบายปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและการถ่ายโอนเทคโนโลยีของจีน ขณะที่จีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการเดียวกัน

-- การประท้วงของชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนที่รวมตัวกันเดินขบวนต่อต้านการเปิดสถานทูตสหรัฐแห่งใหม่ ในกรุงเยรูซาเลมของอิสราเอล เมื่อวานนี้ ได้ลุกลามบานปลายกลายเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างชาวปาเลสไตน์และกองกำลังของอิสราเอล ส่งผลทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 55 คนและบาดเจ็บอีก 2,700 คน ถือเป็นวันที่เกิดเหตุรุนแรงที่สุดในฉนวนกาซ่านับตั้งแต่การสู้รบในฉนวนกาซา เมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา

ขณะที่นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลเปิดเผยว่า กองทัพปฎิบัติการดังกล่าวเพื่อเป็นการปกป้องตัวเองจากผู้ปกครองอิสลามในฉนวนกาซา ซึ่งผู้นำอิสราเอลระบุว่า ต้องการที่จะทำลายอิสราเอล ด้านผู้นำองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์ประณามว่าเป็นการสังหารหมู่ ส่วนสหประชาชาติกล่าวว่า "เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อุกอาจ" โดยหลังจากนี้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) จะจัดการประชุมฉุกเฉินภายในเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อหารือแก้วิกฤตความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

-- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐ และ นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือกำลังเผชิญกับข้อขัดแย้งบางด้าน ก่อนที่การประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 12 มิถุนายน โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐและนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาคววามมั่นคงแห่งชาติ ที่ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐต้องการข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะมีความสมบูรณ์ ตรวจสอบได้และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้าที่จะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ขณะที่ทางฟากฝั่งของเกาหลีเหนือ นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดได้เรียกร้องให้กระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์จากคาบสมุทรเกาหลีดำเนินไปทีละขั้น โดยหลายฝ่ายมองว่าการลดช่องว่างดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในการประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ยืนกรานว่าจะไม่ทำผิดพลาดเหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา

-- พรรคพีเพิล จัสติสของนายอันวาร์ อิบราฮิม อดีตรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงว่า คณะกรรมการพิจารณาอภัยโทษจะทำการประชุมกันในวันพุธ ซึ่งคาดว่าจะมีการอนุมัติการอภัยโทษนายอันวาร์ หลังจากที่เขาต้องโทษจำคุกในความผิดข้อหารักร่วมเพศในปี 2558 หลังจากที่มีรายงานว่าจะมีการประชุมกันในวันนี้ โดยสาเหตุที่ต้องเลื่อนวันพิจารณาออกไป 1 วัน เกิดจากการที่นายโมฮัมหมัด อาพันดี อาลี อธิบดีอัยการ ซึ่งเป็นกรรมการคนหนึ่งในคณะกรรมการพิจารณาอภัยโทษ ถูกนายมหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรี ปลดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีส่วนในการปกปิดการสอบสวนกรณีที่นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากกองทุน 1MDB

-- นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ เตือนว่า สหรัฐควรจับตาสัดส่วนหนี้ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ก่อนที่จะไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากสัดส่วนหนี้ต่อ GDP ของสหรัฐพุ่งแตะระดับ 104% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2489 โดยขณะนั้นอยู่ที่ระดับ 120%

นอกจากนี้ มูลค่าหนี้ทั้งหมดของสหรัฐทะลุ 21 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้แล้ว โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 120% เมื่อเทียบกับช่วง 10 ปีก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า สหรัฐเป็นประเทศเดียวในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งสัดส่วนหนี้ต่อ GDP จะปรับตัวขึ้นในช่วง 5 ปีข้างหน้า

-- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพิ่มคาดการณ์การผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศนอกโอเปกสู่ระดับ 59.62 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 1.72 ล้านบาร์เรล/วันเมื่อเทียบจากปีที่แล้ว โดยรายงานของโอเปกระบุว่า สหรัฐครองสัดส่วนผลิตน้ำมันมากถึง 89% ในกลุ่มนอกโอเปก ขณะที่การผลิตน้ำมันของแคนาดา บราซิล สหราชอาณาจักร และคาซัคสถานเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ขณะเดียวกัน โอเปกได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของโลกในปีนี้ สู่ระดับ 98.85 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเพิ่มขึ้น 1.65 ล้านบาร์เรล/วันเมื่อเทียบจากปีที่แล้ว นอกจากนี้ โอเปกผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 12,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 31.93 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนที่แล้ว โดยซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะที่เวเนซุเอลาลดการผลิต เนื่องจากประสบปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ

-- นายฮิโรโตะ ไซกาวะ ประธานบริษัทนิสสัน กล่าวปฏิเสธแผนการควบกิจการกับบริษัทเรโนลด์ แต่ยอมรับว่าทางบริษัทกำลังทบทวนโครงสร้างด้านทุนในการเป็นพันธมิตรกับเรโนลด์ นอกจากนี้ยังย้ำถึงความจำเป็นที่บริษัททั้งสองต้องเป็นบริษัทที่เป็นอิสระจากกัน

ประธานบริษัทนิสสันกล่าวด้วยว่า นิสสันจะยังคงเป็นพันธมิตรกับเรโนลด์ แม้ว่าต่อไปนายคาร์ลอส โกสน์ ประธานของทั้งสองบริษัท จะเกษียณจากตำแหน่งก็ตาม โดยในขณะนี้นิสสันถือหุ้น 15% ในเรโนลด์ ส่วนเรโนลด์ถือหุ้น 43.4% ในนิสสัน และรัฐบาลฝรั่งเศสถือหุ้น 15% ในเรโนลด์

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยธนาคารกลางออสเตรเลียเผยแพร่รายงานการประชุมเดือนพ.ค. ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1, อียูจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ค. จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนเม.ย. และญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลขประมาณการเบื้องต้น GDP ไตรมาส 1/2561 ขณะที่จีนจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย. ส่วนเยอรมนีและอียูเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. ด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนเม.ย. รวมถึงสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ