สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) ซึ่งฟื้นตัวขึ้นหลังปรับตัวลดลงติดต่อกันถึง 3 วัน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 61.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 64.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในการซื้อขายช่วงแรกๆนั้น ราคาน้ำมันได้รับปัจจัยกดดันตามทิศทางตลาดหุ้น จากการที่นักลงทุนยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันได้รับปัจจัยหนุนจนปิดตลาดในแดนบวก หลังเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 1 แท่น สู่ระดับ 800 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2558
แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 โดยเป็นครั้งแรกที่มีการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 6 สัปดาห์นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐยังช่วยหนุนราคาน้ำมันด้วย โดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน เพราะทำให้สัญญามีราคาลดลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น