การโหวต "No" ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ลงคะแนนเสียง 61.3% นั้น แสดงให้เห็นถึงความจริงหลายๆประการเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในกรีซ
ประการแรก ผลการลงประชามตินั้นเป็นความสำเร็จส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซิปราส โดยคะแนนนิยมของเขาในขณะนี้สูงกว่าเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับผู้นำทางการเมืองรายอื่นๆที่ประสบกับความล้มเหลวในการเรียกเสียงสนับสนุนจากประชาชน
ประการที่สอง ผลการลงประชามติแสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าของประชาชนชาวกรีซหลายรายที่มีต่อข้อตกลงทางการเงินจากต่างประเทศ โดยประชาชนเหล่านี้ต่างมองหาตัวเลือกใหม่และต้องการยุตินโยบายรัดเข็มขัดที่ยืดเยื้อนานถึงห้าปี นอกจากนี้ ประชาชนบางส่วนยังเชื่อว่า นายซิปราสจะมีอิทธิพลมากขึ้นในการเจรจาเพื่อให้เกิดข้อตกลงที่ดีกว่า
ประการที่สาม ผลการลงประชามติเป็นสิ่งยืนยันว่า กระแสประชานิยมกำลังเฟื่องฟูในยุควิกฤติ
ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง ประชาชนชาวกรีซจึงได้ตัดสินใจโหวต "No" ในการลงประชามติ แต่ความปิติยินดีในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยธนาคารยังคงปิดทำการ ความน่าเชื่อถือในภาคธนาคารก็ลดน้อยลง เศรษฐกิจถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง และเงินก็กำลังจะหมด
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เราควรเคารพการตัดสินใจของประชาชนชาวกรีซในการลงประชามติ แต่ผลกระทบจากการโหวต "No" นั้นยังไม่สามารถประเมินได้อย่างเต็มที่ในขณะนี้
ทั้งนี้ กรีซยังต้องเผชิญกับอนาคตอันยากลำบาก แม้รัฐบาลสามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ เนื่องจากเมื่อเวลาผ่านไปในแต่ละวันแล้ว เศรษฐกิจกรีซมีแต่จะย่ำแย่ลง ส่งผลให้การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปได้ยาก
โดย จอร์จ เอ็น โซโกปูโลส จากสำนักข่าวซินหัว