นายจิม แมททิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เปิดเผยว่า การมีส่วนร่วมในข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและประเทศมหาอำนาจ 6 ประเทศ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านนั้น ถือเป็นผลประโยชน์ของสหรัฐ
ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายแมททิสเกิดขึ้นในระหว่างที่มีการรายงานต่อรัฐสภา ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะล้มเลิกข้อตกลงโครงการนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซึ่งเป็นข้อตกลงที่เคยมีการเจรจากันไว้ในสมัยรัฐบาลของนายบารัค โอบามาหรือไม่
ในระหว่างการรายงานผลต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภา นายแมททิส กล่าวว่า "สิ่งที่ผมต้องการจะพูดก็คือ หากเราสามารถยืนยันได้ว่าอิหร่านจะเคารพต่อข้อตกลง หากเราสามารถตัดสินได้ว่าสิ่งนี้จะให้ผลประโยชน์ของประเทศได้สูงสุด เราก็ควรจะมีส่วนร่วมกับข้อตกลงนี้ต่อไป"
นายแมททิสกล่าวว่า "ผมเชื่อว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งปราศจากปัจจัยที่ทำให้เห็นไปในทิศทางอื่น ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นสิ่งสำคัญที่ท่านประธานาธิบดีควรพิจารณาที่จะเดินหน้าต่อไป"
นอกจากนี้ นายแมททิสยังได้ตอบรับกับคำถามที่ว่า การไม่ยุติการมีส่วนร่วมในข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและ 6 ประเทศมหาอำนาจ ซึ่งประกอบด้วย สหราชอาณาจักร จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซีย และสหรัฐ ถือเป็นผลประโยชน์แห่งชาติสหรัฐหรือไม่
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ถ้อยแถลงของนายแมททิสมีลักษณะที่ตรงกันข้ามกับถ้อยแถลงเมื่อเดือนที่ผ่านมาของทรัมป์ ซึ่งทรัมป์เคยกล่าว ณ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติว่า ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นเรื่องน่าอับอายของสหรัฐ และจะไม่ลงนามรับรองข้อตกลงซึ่งมีกำหนดถึงช่วงกลางเดือนต.ค.