หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า เกาหลีเหนืออาจซุ่มผลิตอาวุธชีวภาพเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม ในขณะที่อาวุธชีวภาพนั้นมีอานุภาพทำลายล้างสูง แต่ตรวจสอบยากเนื่องจากสามารถผลิตในสถานที่ปิดได้
ศูนย์วิทยาศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศเบลเฟอร์ แห่งฮาวาร์ด เคนเนดี สคูล ระบุว่า เกาหลีเหนือมีแนวโน้มที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อสร้างความแตกตื่นหรือเบี่ยงเบนความสนใจกองทัพของฝ่ายศัตรู โดยอาจใช้หลายๆวิธีในการแพร่กระจายเชื้อโรค ได้แก่ ขีปนาวุธ โดรน เครื่องบิน รวมถึงการใช้คนหิ้วเครื่องพ่นแบบพกพาที่บรรจุเชื้อโรคปะปนอยู่ในฝูงชน
ขณะเดียวกัน เกาหลีเหนืออาจผลิตอาวุธชีวภาพในสถานที่ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการทางการเกษตรบังหน้า และมีความเป็นไปได้ที่เชื้อแอนแทรกซ์และไข้ทรพิษอาจใช้เป็นอาวุธชีวภาพของเกาหลีเหนือแล้ว เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่ทหารเกาหลีเหนือได้รับการฉีดยาป้องกันโรคไข้ทรพิษ ในขณะที่บุคลากรกองทัพสหรัฐที่ประจำการในเกาหลีใต้ก็ได้รับการฉีดยาป้องกันโรคไข้ทรพิษและเชื้อแอนแทรกซ์
เชื้อแอนแทรกซ์ในปริมาณเพียงไม่กี่กิโลกรัม หรือเทียบเท่าขวดไวน์ไม่กี่ขวด ก็สามารถคร่าชีวิตผู้คนได้เป็นจำนวนมาก กรณีในเมืองที่ประชากรหนาแน่นนั้น เชื้อแอนแทรกซ์อาจคร่าชีวิตได้ถึง 50%
เบลเฟอร์ เซ็นเตอร์ ตั้งข้อสังเกตว่า การพัฒนาอาวุธชีวภาพทำในสถานที่ปิดซึ่งไม่มีใครเห็น แตกต่างจากการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่สามารถติดตามสถานการณ์ได้ นอกจากนี้ อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตอาวุธชีวภาพยังสามารถอำพรางในห้องแล็บเพื่อการเกษตรได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การติดตามสถานการณ์จากภายนอกจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
รายงานดังกล่าวระบุด้วยว่า เกาหลีเหนือมีสารชีวภาพ 13 ชนิดที่สามารถแปลงสภาพเป็นอาวุธภายใน 10 วัน โดยอิงข้อมูลที่รัฐสภาเกาหลีใต้ได้รับจากการตรวจสอบโดยกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เมื่อปี 2558
ขณะที่ข่าวของโคเรีย เฮอรัลด์ ระบุว่า เกาหลีเหนืออาจใช้กองกำลังพิเศษมากถึง 200,000 นายในการปล่อยอาวุธชีวภาพ