รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนกันยายน 2558

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 9, 2015 14:22 —กระทรวงการคลัง

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้แถลงข่าวการดำเนินงานของ สบน. ในเดือนกันยายน 2558 ดังนี้

1. รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ 30 กันยายน 2558 มีจำนวน 5,783,323.19 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.99 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 46,679.11 ล้านบาท

โดยมีรายละเอียด ดังนี้

หนี้ของรัฐบาล มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 46,507.65 ล้านบาท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้ เพิ่มขึ้น 46,137.53 ล้านบาท มีรายละเอียด ดังนี้

1. การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 15,637.53 ล้านบาท

2. การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 10,115 ล้านบาท เพื่อทดแทนจำนวนตั๋วเงินคลังที่ประมูลได้ไม่ครบ

3. การเพิ่มขึ้นของตั๋วเงินคลังสุทธิ จำนวน 20,385 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างเงินกู้ระยะสั้นไปเป็นพันธบัตร จำนวน 20,000 ล้านบาท ทำให้หนี้ระยะสั้นเพิ่มขึ้น 385 ล้านบาท

  • การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 13,420.34
ล้านบาท มีรายละเอียด ดังนี้

1. การกู้เงินเพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ จำนวน 3,131.34 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น (1) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 1,736.01 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สายสีน้ำเงิน และสายสีเขียว (2) การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 1,002.44 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และ 358.04 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง และ (3) กรมทางหลวง จำนวน 34.85 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2)

2. การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 10,289 ล้านบาท

  • การชำระหนี้ต้นเงินกู้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 12,399.99 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู (FIDF 1) จำนวน 4,882.34 ล้านบาท และภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่ 2 (FIDF 3) จำนวน 7,517.65 ล้านบาท

หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 13,541.02 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

  • ผลของอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 3,472.34 ล้านบาท
  • การเบิกจ่ายเงินกู้มากกว่าการชำระคืนหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้หนี้เพิ่มขึ้น 10,068.68 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นที่สำคัญเกิดจากการเช่าซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 777-300 ER จำนวน 5,845.57
ล้านบาท และการออกหุ้นกู้ 8,000 ล้านบาท ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และการออกพันธบัตรของ
การไฟฟ้านครหลวง 4,000 ล้านบาท เพื่อการลงทุนตามโครงการ

หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) มียอดหนี้คงค้างลดลง 8,879.99 ล้านบาท โดยมีรายการที่สำคัญ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระหนี้เงินต้นที่กู้มาเพื่อดำเนินโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้เงินจากการระบายข้าว จำนวน 6,774.49 ล้านบาท และชำระหนี้เงินต้นที่กู้มาเพื่อปรับโครงสร้างเงินทุนและรองรับภารกิจใหม่ จำนวน 1,000 ล้านบาท และธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 1,000 ล้านบาท

หน่วยงานของรัฐ มียอดหนี้คงค้างลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 4,489.57 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 4,516.06 ล้านบาท

หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 เท่ากับ 5,783,323.19 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ในประเทศ 5,423,040.12 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.77 และหนี้ต่างประเทศ 360,283.07 ล้านบาท (ประมาณ 10,173 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือเท่ากับร้อยละ 6.23 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และหากเปรียบเทียบกับเงินสำรองระหว่างประเทศ จำนวน 155,533.43 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ 30 กันยายน 2558) หนี้ต่างประเทศ จะคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 6.54 ของเงินสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและความมั่นคงในด้านการเงินของประเทศ

โดยหนี้สาธารณะแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,576,038.80 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.42 และมีหนี้ระยะสั้น 207,284.39 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.58 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

2. รายงานผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนกันยายน 2558

สบน. มีการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ วงเงินรวม 122,115.18 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ของรัฐบาล จำนวน 85,543.61 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 36,571.57 ล้านบาท

การบริหารจัดการหนี้ของรัฐบาล วงเงิน 85,543.61 ล้านบาท ประกอบด้วย

  • ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐบาล จำนวน 38,135.58 ล้านบาท

1. การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 15,637.53 ล้านบาท

2. การออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อทดแทนจำนวนตั๋วเงินคลังที่ประมูลได้ไม่ครบ จำนวน 10,115 ล้านบาท

3. การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 2,094.05 ล้านบาท

4. การเบิกจ่ายเงินกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 10,289 ล้านบาท

  • การเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศของรัฐบาล กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 1,037.29 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. การเบิกจ่ายเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) จำนวน 1,002.44 ล้านบาท เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต

2. การเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 34.85 ล้านบาท ของกรมทางหลวงสำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2)

  • การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

1. การปรับโครงสร้างหนี้ R-bill โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 10,000 ล้านบาท

2. การปรับโครงสร้างหนี้สัญญาเงินกู้ระยะสั้น โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 10,000 ล้านบาท

  • การชำระหนี้ของรัฐบาล จำนวน 26,370.74 ล้านบาท แบ่งเป็น

1. การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 10,163.88 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • ชำระต้นเงิน จำนวน 1,419.90 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน แบ่งเป็น (1) การชำระหนี้ที่อยู่ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 จำนวน 1,409 ล้านบาท (2) การชำระหนี้ต่างประเทศ จำนวน 7.66 ล้านบาท และ (3) การชำระหนี้เงินกู้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 3.24 ล้านบาท
  • ชำระดอกเบี้ย จำนวน 8,689.09 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณ และเงินจากบัญชีเงินกู้เพื่อการบริหารหนี้ แบ่งเป็น ดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ 8,679.09 ล้านบาท และดอกเบี้ยหนี้ต่างประเทศ 10 ล้านบาท
  • ชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร จำนวน 54.89 ล้านบาทโดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน

2. การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 16,206.86 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งเป็น

  • การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 5,741.79 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 4,882.34 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย 859.45 ล้านบาท
  • การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 3) จำนวน 10,465.07 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 7,517.65 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย 2,947.42 ล้านบาท

การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงิน 36,571.57 ล้านบาท ประกอบด้วย

  • การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 6,799 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินในประเทศในรูปของพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลค้ำประกันและไม่ค้ำประกันเพื่อการลงทุนตามโครงการของการไฟฟ้านครหลวง การเคหะแห่งชาติ การประปาส่วนภูมิภาค และการรถไฟแห่งประเทศไทย และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนและอื่นๆ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
  • การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ จำนวน 5,845.57 ล้านบาท โดยเป็นการเช่าซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 777-300 ER ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
  • การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 23,927 ล้านบาท ประกอบด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 10,000 ล้านบาท การเคหะแห่งชาติ 4,700 ล้านบาท การรถไฟแห่งประเทศไทย 4,227 ล้านบาท ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 4,000 ล้านบาท และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 1,000 ล้านบาท

คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

โทร. 02 265 8050 ต่อ 5505, 5520, 5512, 5903

เอกสารแนบ 1

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขอแถลงสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 ดังนี้

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 มีจำนวน 5,783,323.19 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 42.99 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 46,679.11 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. หนี้ของรัฐบาล 4,157,394.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46,507.65 ล้านบาท

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,065,199.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,541.02 ล้านบาท

3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 542,296.35 ล้านบาท ลดลง 8,879.99 ล้านบาท

4. หนี้หน่วยงานของรัฐ 18,432.88 ล้านบาท ลดลง 4,489.57 ล้านบาท

ทั้งนี้ รายละเอียดและสัดส่วนของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 ปรากฏตามแผนภาพที่ 1 และตารางที่ 1 ตามลำดับ

1. หนี้ของรัฐบาล

1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 58,907.64 ล้านบาท เนื่องจาก

1.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 1,799.30 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเบิกจ่ายและชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้นสุทธิ 1,020.30 ล้านบาท ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 779 ล้านบาท ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 2

1.1.2 หนี้ในประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 57,108.34 ล้านบาท โดยมีรายการสำคัญเกิดจาก

  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ และการบริหารหนี้ เพิ่มขึ้น 46,137.53 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้
  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 15,637.53 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล จำนวน 10,255 ล้านบาท และออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 5,382.53 ล้านบาท
  • การออกตั๋วเงินคลัง จำนวน 20,385 ล้านบาท
  • การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 10,115 ล้านบาท เพื่อทดแทนจำนวนตั๋วเงินคลังที่ประมูลได้ไม่ครบ
  • การปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้น จำนวน 20,000 ล้านบาท มาเป็นหนี้เงินกู้ระยะยาวโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 20,000 ล้านบาท
  • การชำระหนี้เงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ ภายใต้ พ.ร.ก. บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ จำนวน 1,409 ล้านบาท
  • เงินกู้ให้กู้ต่อ เพิ่มขึ้น 2,090.81 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
  • การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 1,736.01 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 1,060.81 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 346.09 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 329.11 ล้านบาท
  • การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 358.04 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการ
ปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง และชำระหนี้เงินกู้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อ จำนวน 3.24 ล้านบาท
  • การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 10,289 ล้านบาท เนื่องจาก
  • การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) จำนวน 289 ล้านบาท
  • การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน:มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 จำนวน 10,000 ล้านบาท

1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 12,399.99 ล้านบาท จากการชำระหนี้ โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูแบ่งเป็น

  • การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 4,882.34 ล้านบาท
  • การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่ 2 (FIDF 3) จำนวน 7,517.65 ล้านบาท

1.3 หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน

2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน

2.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 275.11 ล้านบาท โดยเป็นผลการชำระคืนหนี้เงินเยน 1,137.47 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาร่วมกับผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 862.37 ล้านบาท

2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น จำนวน 863.77 ล้านบาท เนื่องจาก

  • การประปาส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร 103 ล้านบาท
  • การทางพิเศษแห่งประเทศไทยไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 500 ล้านบาท
  • รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้มากกว่าการชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 1,260.77 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 5,687.77 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 4,427 ล้านบาท

2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน

2.2.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 6,281.50 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเช่าซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 777-300 ER จำนวน 5,845.57 ล้านบาท และการชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 3,671.51 ล้านบาท ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 2,609.97 ล้านบาท ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 4

2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 6,670.86 ล้านบาท เนื่องจาก

  • บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกหุ้นกู้ 8,000 ล้านบาท
  • การไฟฟ้านครหลวงออกพันธบัตร 4,000 ล้านบาท
  • การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร 2,000 ล้านบาท และไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 3,200 ล้านบาท
  • การประปาส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร 197 ล้านบาท
  • รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 4,326.14 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 4,520.29 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 8,846.43 ล้านบาท
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)

3.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 105.50 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการชำระคืนหนี้เงินเยน ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 111.52 ล้านบาท และการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 6.02 ล้านบาท ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 5

3.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 8,774.49 ล้านบาท เนื่องจาก

  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระคืนต้นเงินตามสัญญาเงินกู้ 7,774.49 ล้านบาท
  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 1,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังทำการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ

4. หนี้หน่วยงานของรัฐ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 4,489.57 ล้านบาท เนื่องจากหน่วยงานของรัฐมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าการชำระคืนต้นเงินกู้ โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 4,516.06 ล้านบาท

หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 มีจำนวน 5,783,323.19 ล้านบาท ซึ่งหากแบ่งประเภทเป็นหนี้ต่างประเทศ-หนี้ในประเทศ และหนี้ระยะยาว-หนี้ระยะสั้น มีรายละเอียด ดังนี้

หนี้ต่างประเทศและหนี้ในประเทศ แบ่งออกเป็น หนี้ต่างประเทศ 360,283.07 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.23 และหนี้ในประเทศ 5,423,040.12 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.77 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,576,038.80 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.42 และหนี้ระยะสั้น 207,284.39 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.58 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
  • หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุคงเหลือ) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,033,231.94 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.03 และหนี้ระยะสั้น 750,091.25 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.97 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

หมายเหตุ: การนำข้อมูลและ/หรือบทวิเคราะห์ของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะไปใช้และ/หรือเผยแพร่ต่อ ขอความร่วมมืออ้างแหล่งที่มาของข้อมูลด้วย

ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5512,5520

เอกสารแนบ 2

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอสรุปผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงาน บริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนกันยายน 2558 วงเงินรวม 122,115.18 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 85,543.61 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ 36,571.57 ล้านบาท

1. การบริหารจัดการหนี้รัฐบาล วงเงินรวม 85,543.61 ล้านบาท ประกอบด้วย

  • การกู้เงินในประเทศ 38,135.58 ล้านบาท
  • การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ 1,037.29 ล้านบาท
  • การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ 20,000 ล้านบาท
  • การชำระหนี้ 26,370.74 ล้านบาท

1.1 การกู้เงินในประเทศ กระทรวงการคลังกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 38,135.58 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้

1.1.1 การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 15,637.53 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล จำนวน 10,255 ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 5,382.53 ล้านบาท

1.1.2 การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ จำนวน 2,094.05 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 982.09 ล้านบาท เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง
  • การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 1,111.96 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น (1) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 78.72 ล้านบาท สายสีเขียว จำนวน 329.11 ล้านบาท และสายสีน้ำเงิน จำนวน 346.09 ล้านบาท และ (2) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง จำนวน 358.04 ล้านบาท

1.1.3 การเบิกจ่ายเงินกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 10,289 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น (1) เงินกู้เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) จำนวน 289 ล้านบาท (2) เงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 จำนวน 10,000 ล้านบาท

1.1.4 การกู้เพื่อทดแทนตั๋วเงินคลัง จำนวน 10,115 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ทั้งจำนวน

1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 1,037.29 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้

1.2.1 การเบิกจ่ายเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) จำนวน 1,002.44 ล้านบาท หรือ 3,270.82 ล้านเยน โดยเป็นเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต

1.2.2 การเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 34.85 ล้านบาท หรือ 0.95 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง

1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 20,000ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้

(1) การปรับโครงสร้างหนี้ R-bill โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 10,000 ล้านบาท

(2) การปรับโครงสร้างหนี้สัญญาเงินกู้ระยะสั้น โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 10,000 ล้านบาท

1.4 การชำระหนี้ กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้ จำนวน 26,370.74 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

1.4.1 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 10,163.88 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้

  • ชำระเงินต้น จำนวน 1,419.90 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน แบ่งเป็น (1) การชำระหนี้ที่อยู่ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 จำนวน 1,409 ล้านบาท (2) การชำระหนี้เงินกู้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 3.24 ล้านบาท และ (3) การชำระหนี้ต่างประเทศ จำนวน 7.66 ล้านบาท
  • ชำระดอกเบี้ย จำนวน 8,689.09 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณ และเงินจากบัญชีเงินกู้เพื่อการบริหารหนี้ แบ่งเป็น (1) ดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ 8,679.09 ล้านบาท และ (2) ดอกเบี้ยหนี้ต่างประเทศ 10 ล้านบาท
  • ชำระค่าธรรมเนียม สำหรับการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร จำนวน 54.89 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน

1.4.2 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 16,206.86 ล้านบาท แบ่งเป็น

(1) การชำระหนี้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1) จำนวน 5,741.79 ล้านบาทโดยเป็นการชำระต้นเงิน จำนวน 4,882.34 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย จำนวน 859.45 ล้านบาท

(2) การชำระหนี้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 10,465.07 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน จำนวน 7,517.65 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย จำนวน 2,947.42 ล้านบาท

2. การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม 36,571.57 ล้านบาท

2.1 การกู้เงินในประเทศ

รัฐวิสาหกิจมีการกู้เงินในประเทศ จำนวน 6,799 ล้านบาท

2.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กู้เงินจากต่างประเทศ จำนวน 5,845.57 ล้านบาท หรือ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับเช่าซื้อเครื่องบิน โบอิ้ง 777-300ER

2.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ

รัฐวิสาหกิจมีการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 23,927 ล้านบาท

--กระทรวงการคลัง--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ