การประมวลข้อมูลพื้นที่การก่อสร้าง ไตรมาสที่ 1 ปี 2560

ข่าวผลสำรวจ Friday August 18, 2017 13:57 —สำนักงานสถิติแห่งชาติ

การประมวลข้อมูลพื้นที่การก่อสร้างเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลของสิ่งก่อสร้างทุกประเภทที่เอกชนได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง ต่อเติมหรือดัดแปลงเกี่ยวกับจำนวน ผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง จำนวนสิ่งก่อสร้างและพื้นที่ของสิ่งก่อสร้าง ข้อมูลดังกล่าวสามารถนำไปใช้ประโยชน์สำหรับหน่วยงานภาครัฐในการกำหนดนโยบาย ทางเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับเอกชนใช้ในการจัดทาตัวชี้วัดด้านที่อยู่อาศัย ใช้ในการติดตามภาวะเศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ การส่งเสริมการขายและการลงทุนด้านการก่อสร้าง ข้อมูลพื้นที่การก่อสร้างใน ไตรมาสที่ 1 ปี 2560 เป็นข้อมูลในระดับภาคและทั่วประเทศเฉพาะพื้นที่ที่มีพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และในเขตการนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย สรุปได้ดังนี้

1.จำนวนผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง และจำนวนสิ่งก่อสร้าง

ในไตรมาสที่ 1 ปี 2560 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 43,917 ราย เป็นการได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างประเภทอาคารโรงเรือน 38,349 ราย และไม่ใช่อาคารโรงเรือน 5,568 ดังนี้

1.1 สิ่งก่อสร้างประเภทอาคารโรงเรือน

สิ่งก่อสร้างประเภทอาคารโรงเรือนมีผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง 38,349 ราย โดยร้อยละ 98.1 ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่และร้อยละ 1.9 ได้รับอนุญาตให้ต่อเติมหรือดัดแปลง ประกอบด้วยอาคารเพื่ออยู่อาศัย อาคารเพื่อการพาณิชย์และสำนักงาน เพื่อการอุตสาหกรรม และโรงงาน อาคารโรงแรม เพื่อการศึกษาและสาธารณสุข และเพื่อประโยชน์อื่นๆ เช่น เพื่อการบำบัดน้ำเสีย โรงไฟฟ้า อาคารระบบพลังงานแสงอาทิตย์อาคารระบบประปาและโรงกรองน้ำ เพื่อการขนส่ง เพื่อการเกษตร เพื่อการบันเทิง เป็นต้น

เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2559 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7

1.2 สิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่อาคารโรงเรือน

ไตรมาสที่ 1 ปี 2560 มีผู้ที่ได้รับอนุญาต 5,568 ราย ร้อยละ 99.2 ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่และร้อยละ 0.8 ได้รับอนุญาตให้ต่อเติมหรือดัดแปลงประกอบด้วยสิ่งก่อสร้าง ประเภทท่อ/ทางระบายน้ำ ถนน/ทางรถไฟ รั้ว/กำแพง สะพาน เขื่อน/คันดิน ฯลฯ มีจำนวน 4,474 ราย และสิ่งก่อสร้างประเภท ลานจอดรถ สนามกีฬา ปั๊มน้ำมัน/ปั๊มแก๊ส/ปั๊มก๊าซ ป้ายโฆษณา สระว่ายน้ำ ท่าเรือฯลฯ มีจำนวน 1,094 ราย

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2559

2. พื้นที่ของสิ่งก่อสร้าง

2.1 สิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารโรงเรือน

ในไตรมาสที่ 1 ปี 2560 พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารโรงเรือนรวม 14.5 ล้านตร.ม. เมื่อปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าพื้นที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโดยรวมลดลงร้อยละ 13.2 และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2559 ลดลงร้อยละ 2.3 ประกอบด้วย อาคารเพื่ออยู่อาศัยได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง 9.5 ล้านตร.ม. หรือร้อยละ 65.5 ของสิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารโรงเรือนทั้งสิ้น อาคารเพื่อการพาณิชย์และสำนักงาน 1.9 ล้านตร.ม. หรือร้อยละ 13.1 เพื่อการอุตสาหกรรมและโรงงาน 1.9 ล้านตร.ม หรือร้อยละ 11.7 เพื่อการศึกษาและสาธารณสุข 0.3 ล้านตรม.หรือร้อยละ 2.1 และอาคารโรงแรม ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างมีพื้นที่ 0.5 ล้านตร.ม. หรือร้อยละ 3.4

2.2 สิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่อาคารโรงเรือน

สำหรับสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่อาคารโรงเรือนประเภทความยาว ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างทั้งสิ้น 566,444 เมตรได้แก่ ท่อ/ทางระบายน้ำมีความยาว 241,736 เมตรหรือร้อยละ 42.7 รั้ว/กำแพงมีความยาว 192,184 เมตรหรือร้อยละ33.9 และ ถนนมีความยาว 101,643 เมตรหรือร้อยละ 17.9ส่วนที่เหลือเป็นการก่อสร้างสะพาน เขื่อน/คันดิน และอื่นๆรวม 30,881 เมตร คิดเป็นร้อยละ 5.5

เมื่อเปรียบเทียบความยาวที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าลดลงร้อยละ 12.8 และลดลงร้อยละ 0.5 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2559 ส่วนสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่อาคารโรงเรือนประเภทพื้นที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างทั้งสิ้น 604,621 ตร.ม.ได้แก่ลานจอดรถ ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง 297,733 ตร.ม.(ร้อยละ 49.2) ปั๊มน้ำมัน/ ปั๊มแก๊ส/ปั๊มก๊าซ 104,373 ตร.ม. หรือร้อยละ 17.3 สนามกีฬา 64,558 ตร.ม. หรือร้อยละ 10.7 ป้ายโฆษณา 12,635 ตร.ม. หรือร้อยละ 2.1 และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ เช่น สระว่ายน้ำ ท่าเรือฯลฯ ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างรวม 125,322 ตร.ม.หรือร้อยละ 20.7

เมื่อเปรียบเทียบพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง กับไตรมาสที่ผ่านมาลดลงร้อยละ 2.0 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.1 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2559

3.1 จำนวนผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง

ในไตรมาสที่ 1 ปี 2560 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างทั้งสิ้น 43,917 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.0 เมื่อเทียบกับ ไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 เมื่อเทียบกับ ไตรมาสเดียวกันของปี 2559 เป็นผู้ได้รับอนุญาต ให้ก่อสร้างอาคารโรงเรือน 38,349 รายคิดเป็นร้อยละ 87.3 และที่ไม่ใช่อาคารโรงเรือน 5,568 ราย คิดเป็น ร้อยละ 12.7

ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการก่อสร้างอาคารโรงเรือนนั้น พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 98.1 ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่และร้อยละ 1.9 ได้รับอนุญาตให้ต่อเติมหรือดัดแปลง เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส ที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของ ปี 2559 พบว่า มีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7

สิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่อาคารโรงเรือน พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 99.2 เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่และร้อยละ 0.8 ได้รับอนุญาตให้ต่อเติมหรือดัดแปลง เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 แต่ความยาวของสิ่งก่อสร้าง ประเภท ท่อ/ทางระบายน้ำ ถนน รั้ว/กำแพง สะพานและเขื่อน/คันดิน ลดลงร้อยละ 12.7 ส่วนพื้นที่ประเภทปั๊มน้ำมัน/ปั๊มแก๊ส/ปั๊มก๊าซ ป้ายโฆษณา และสระว่ายน้ำ ได้รับอนุญาตลดลงร้อยละ 2.0

และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของ ปี 2559 พบว่ามีผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 ความยาวของสิ่งก่อสร้างลดลงร้อยละ 0.5 แต่พื้นที่ของสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.1

3.2 จำนวนสิ่งก่อสร้าง

ในไตรมาสที่ 1 ปี 2560 มีสิ่งก่อสร้างประเภทอาคารโรงเรือนที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างรวม 60,800 หน่วย เป็นสิ่งก่อสร้างเพื่ออยู่อาศัยมากที่สุด 52,205 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 85.9 เพื่อการพาณิชย์และสำนักงานมีจำนวน 5,650 หน่วยคิดเป็นร้อยละ 9.3 อาคารเพื่อการอุตสาหกรรมและโรงงาน 1,078 หน่วยคิดเป็นร้อยละ 1.8 เป็นต้น

สำหรับสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่อาคารโรงเรือนประเภทความยาวได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างรวม 4,977 แห่ง เป็นสิ่งก่อสร้างประเภท ท่อ/ทางระบายน้ำได้รับอนุญาต 3,708 แห่ง หรือร้อยละ 74.5 รั้ว/กำแพง 805 แห่งหรือร้อยละ 16.2 ส่วนสิ่งก่อสร้างประเภทพื้นที่เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างรวม 1,174 แห่งลานจอดรถ 284 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 24.2 ป้ายโฆษณา 173 แห่งหรือร้อยละ 14.7

3.3 พื้นที่ของสิ่งก่อสร้าง

3.3.1 สิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารโรงเรือน

พื้นที่ของสิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารโรงเรือน ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างรวม 14.5 ล้านตร.ม. ส่วนใหญ่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัย มีพื้นที่ 9.5 ล้านตร.ม. หรือร้อยละ 65.5 เป็นอาคารเพื่อการพาณิชย์และสำนักงาน 1.9 ล้านตร.ม. หรือคิดเป็น ร้อยละ 13.1 อาคารเพื่อการอุตสาหกรรมและโรงงาน 1.7 ล้านตร.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 11.7 อาคารโรงแรมจำนวน 528,194 ตารางเมตรหรือ ร้อยละ 3.6 อาคารเพื่อการศึกษาและสาธารณสุขได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างคิดเป็นพื้นที่ 270,657 ตารางเมตรหรือร้อยละ 1.9 ส่วนอาคารโรงเรือนอื่นๆ เช่น เพื่อการบำบัดน้ำเสีย เพื่อการเกษตร เพื่อการบันเทิง มีจำนวน 628,055 ตารางเมตร (ร้อยละ 4.3)

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารโรงเรือน ในภาพรวมลดลงร้อยละ 12.9 โดยเฉพาะอาคาร เพื่อการศึกษาและสาธารณสุขลดลงร้อยละ 45.9 อาคารเพื่อการพาณิชย์และสำนักงานลดลงร้อยละ 28.5 อาคารเพื่อการอุตสาหกรรมและโรงงานได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างลดลงร้อยละ 10.1 อาคารเพื่ออยู่อาศัยลดลงร้อยละ 6.6 อาคารโรงแรมได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 ส่วนสิ่งก่อสร้างอาคารโรงเรือนอื่นๆ เช่น เพื่อบำบัดน้ำเสีย เพื่อการเกษตร เพื่อการบันเทิงได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างลดลงร้อยละ 36.2

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของ ปีที่ 2559 พบว่า อาคารโรงเรือนมีพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโดยรวมลดลงร้อยละ 2.3

3.3.2 สิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่อาคารโรงเรือน

สิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่อาคารโรงเรือนประเภทความยาว (เมตร) นั้นได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างรวม 566,444 เมตร ได้แก่ ท่อ/ทางระบายน้ำ 241,736 เมตรคิดเป็นร้อยละ 42.7 รั้ว/กำแพง 192,184 เมตรหรือร้อยละ 33.9 และถนน 101,643 เมตรหรือร้อยละ 17.9 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า ลดลง ร้อยละ 12.7 และลดลงร้อยละ 0.5 เมื่อเปรียบเทียบกับ ไตรมาสเดียวกันของปี 2559

สำหรับสิ่งก่อสร้างประเภทพื้นที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างรวม 604,621 ตารางเมตร ได้แก่ ลานจอดรถได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง 297,733 ตารางเมตรหรือร้อยละ 49.2 ปั๊มน้ำมัน/ปั๊มแก๊ส/ปั๊มก๊าซ 104,373 ตารางเมตร หรือร้อยละ 17.3 สนามกีฬา 64,558 ตารางเมตร หรือร้อยละ 10.7 ป้ายโฆษณา 12,635 ตารางเมตร หรือร้อยละ 2.1 สำหรับสิ่งก่อสร้างอื่นๆ เช่น สระว่ายน้ำ ท่าเรือ และสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่อาคารโรงเรือนอื่นๆ เช่น เสารับส่งสัญญาณโทรศัพท์ ทางเดินเท้า ซุ้มประตู และสระว่ายน้ำ ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างรวม 125,322 ตารางเมตร (ร้อยละ 20.7)

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า มีพื้นที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโดยรวมลดลงร้อยละ 2.0 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.1 เมื่อเปรียบเทียบกับ ไตรมาสเดียวกันของปี 2559 (ตาราง 3.2)

3.4 ข้อมูลพื้นที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง

จำแนกตามภาค

เมื่อพิจารณาข้อมูลการก่อสร้างใหม่ประเภทอาคารโรงเรือน จำแนกตามภาค พบว่ามีจำนวนผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างทั้งสิ้น 37,637 ราย เป็นผู้ที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด 9,057 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.1รองลงมาคือภาคกลางมีผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างจำนวน 8,597 ราย คิดเป็นร้อยละ 22.8 กรุงเทพฯ และปริมณฑล 7,669 ราย คิดเป็น ร้อยละ 20.4 สำหรับการต่อเติมและดัดแปลงอาคารโรงเรือนทั่วประเทศมีจำนวน 712 ราย เป็นผู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากที่สุด 187 ราย คิดเป็น ร้อยละ 26.3

ส่วนพื้นที่ของสิ่งก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่ พบว่า ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่มากที่สุด 5.6 ล้านตารางเมตร คิดเป็นร้อยละ 40.3 ของพื้นที่ก่อสร้างใหม่ทั้งหมด (13.9 ล้านตร.ม.) รองลงมาคือภาคกลาง 3.3 ล้าน ตรม. (ร้อยละ 23.7) สำหรับพื้นที่การต่อเติมหรือดัดแปลงอาคารโรงเรือนทั่วประเทศมีจำนวน 603,589 ตารางเมตร เป็นการได้รับอนุญาตก่อสร้างในกรุงเทพฯและปริมณฑล มากที่สุด 338,274 ตารางเมตร คิดเป็นร้อยละ 56.0 รองลงมาคือภาคกลาง 128,725 ตารางเมตร (ร้อยละ 21.3 )

สำหรับพื้นที่ของสิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือนที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง นั้น พบว่าสิ่งก่อสร้างประเภทที่มีหน่วยเป็นความยาว เช่น ท่อ /ทางระบายน้ำ ถนน รั้ว/กำแพง สะพาน เขื่อน/คันดิน ฯลฯ ได้รับอนุญาตทั้งสิ้น 566,444 เมตร เป็นการก่อสร้างใหม่ 562,684 เมตร และเป็นการต่อเติมหรือดัดแปลง 3,760 เมตร ส่วนใหญ่เป็นขออนุญาตก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ส่วนพื้นที่ของสิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือนที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างประเภทลานจอดรถ สนามกีฬาปั๊มน้ำมัน ป้ายโฆษณา และสระว่ายน้ำ มีจำนวนทั้งสิ้น 604,621 ตารางเมตร เป็นการก่อสร้างใหม่ 593,433 ตารางเมตร และเป็นการต่อเติมหรือดัดแปลง 11,188 ตารางเมตร ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

หากกล่าวโดยรวมแล้ว การได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นการอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่ทั้งในส่วนที่เป็นอาคารโรงเรือน และมิใช่อาคารโรงเรือน สำหรับการอนุญาตให้ต่อเติมหรือดัดแปลงนั้น จะมีสัดส่วนการได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้นซึ่งจะเป็นลักษณะเช่นเดียวกันในทุกภาค

ที่มา : สำนักงานสถิติแห่งชาติ


แท็ก ข้อมูล  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ