ฟิทช์: การเติบโตของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ไทยน่าจะปรับตัวสูงขึ้นในครึ่งหลังของปี 2557 แต่ยังคงมีปัจจัยความเสี่ยง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 25, 2014 17:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่าการเติบโตของสินเชื่อภาคธนาคารพาณิชย์ไทยน่าจะปรับตัวสูงขึ้นในครึ่งหลังของปี 2557 หลังจากสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในประเทศที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เติบโตเพียง 1.5% ในครึ่งปีแรกของปี 2557 การเติบโตในครึ่งปีหลังจะสะท้อนถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ เชื่อว่าระบบธนาคารยังได้รับแรงกดดันในด้านคุณภาพสินทรัพย์ จากหนี้ภาคเอกชน (private sector debt) ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2554 ประกอบกับเศรษฐกิจที่อ่อนแอในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 จนถึงครึ่งปีแรกของปี 2557 ผลประกอบการรวมของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 11 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 สะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจและสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าความสามารถในการทำกำไรและการเติบโตของสินเชื่อจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 แต่อัตราการเติบโตของสินเชื่อยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยในด้านอื่นที่ยังอยู่ในระดับดี เช่น อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมและอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงที่ผ่านมาที่ 3.0% และ 15.5% ตามลำดับ ฟิทช์ยังคงเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยมีความสามารถที่จะฟื้นตัวจากผลกระทบในเชิงลบระยะสั้น และประเทศไทยน่าจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยืดเยื้อและสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีสมมติฐานว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะยังคงปรับตัวมีเสถียรภาพมากขึ้นต่อเนื่องเหมือนที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 สภาวะแวดล้อมด้านสินเชื่อสำหรับธนาคารพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้นและ ฟิทช์ คาดว่าธนาคารน่าจะพยายามขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2557 ทั้งนี้ ฟิทช์ คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะสูงกว่า 5% ในปี 2557 เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนที่ลดลงและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอในช่วงที่ผ่านมา อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารพาณิชย์น่าจะยังทรงตัวในระดับใกล้เคียงเดิม ในขณะที่สภาวะแวดล้อมด้านสินเชื่อน่าจะปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ธนาคารพาณิชย์ไทยมีแนวโน้มที่จะออกตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์ Basel 3 เพิ่มขึ้นเพื่อที่จะทดแทนตราสารหนี้เดิมทั้งที่กำลังจะครบกำหนดและจะทยอยครบกำหนดไถ่ถอน ซึ่งไม่ใช่เป็นสัญญาณว่ามีแรงกดดันในด้านเงินกองทุน อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของหนี้ภาคเอกชนตั้งแต่ปี 2553 ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาคธนาคาร ถึงแม้ว่าแนวโน้มในระยะสั้นโดยรวมยังคงมีเสถียรภาพ อัตราส่วนสินเชื่อภาคเอกชนต่อ GDP อยู่ในระดับเกือบ 155% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 โดยอัตราดังกล่าวอยู่ในระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) ซึ่งแสดงว่าคุณภาพสินทรัพย์ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง อีกทั้งระดับหนี้สินดังกล่าวมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจได้ชะลอตัวลงอย่างมาก นอกจากนี้ อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ไทยโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 และเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไปในอนาคต ปัจจัยดังกล่าวเป็นสัญญาณว่าอาจมีการแข่งขันด้านเงินฝากเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะธนาคารที่ต้องการจะขยายสินเชื่อ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบต่ออัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ