SME กว่าครึ่งมองกำลังซื้อซึมต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 27, 2015 12:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--ธนาคารทหารไทย ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics เปิดเผยผลการจัดทำ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อม-ทีเอ็มบี พบว่า ความเชื่อมันของธุรกิจ SME ในไตรมาส 4 ยังอ่อนแอต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน มองกำลังซื้อของประชาชนและเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจยังมีอยู่อย่างจำกัด สร้างความท้าทายให้ผู้ประกอบการ SME ต่อเนื่องในปี 2558 นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี เปิดเผย “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อม-ทีเอ็มบี” (TMB-SME Sentiment Index) ไตรมาส 4/2557 จากการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SME กว่า 1,100 กิจการ ครอบคลุม 72 จังหวัดทั่วประเทศ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการล่าสุดไตรมาส 4 อยู่ที่ 37.1 ปรับลงเล็กน้อยจากระดับ 38.0 จากไตรมาสก่อนหน้านี้ โดยผู้ประกอบการมองรายได้ของธุรกิจได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวตัวลง สอดคล้องกับปัจจัยกังวลที่กว่าร้อยละ 55 ของผู้ประกอบการเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อในพื้นที่ชะลอตัวต่อเนื่อง “4 ปัจจัยบวก ได้แก่ การค้าชายแดน การเดินทางและท่องเที่ยวช่วงเทศกาล การจัดตั้งโรงงานในพื้นที่อุตสาหกรรม ราคาน้ำมันในประเทศที่ลดลง ส่วน 4 ปัจจัยลบ ที่มีผลกระทบต่อ SME ในวงกว้าง ได้แก่ ราคาสินค้าเกษตร กำลังซื้อของผู้บริโภค การส่งออกที่ไม่ฟื้นตัวและการขาดแคลนและต้นทุนแรงงานสูงขึ้น จึงทำให้ภาพรวมความเชื่อมั่นของ SME ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50” นายเบญจรงค์ กล่าว เมื่อสำรวจมุมมองของผู้ประกอบการต่อภาวะธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 60.2 ซึ่งถือว่าทรงตัวจากระดับ 59.6 จากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา สะท้อนว่าผู้ประกอบการยังมีความหวังในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและธุรกิจในระยะเวลา 3 เดือนข้างหน้า แม้ความเชื่อมั่นในอนาคตดังกล่าวจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากไตรมาสก่อนแต่อย่างใด แสดงถึงปัจจัยและการคาดการณ์ทางธุรกิจที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา หรือจากกันยายน 2557 ถึงมีนาคม 2558 เมื่อพิจารณาเป็นรายภูมิภาค พบว่า ผู้ประกอบการในภาคใต้และภาคเหนือ ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวมากที่สุด เนื่องจากราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำและมีปัญหาเฉพาะด้านการผลิตในบางอุตสาหกรรม โดยภาคใต้ยังได้รับผลกระทบจากราคายางพาราตกต่ำต่อเนื่อง และผลกระทบของโรคระบาดในอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้ง ในขณะที่ภาวะธุรกิจภาคเหนือได้รับผลกระทบเชิงลบจากราคาข้าวนาปีที่ลดลงโดยเฉลี่ยร้อยละ 19 จากปีก่อนหน้า รวมทั้งหลายพื้นต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้งจนไม่สามารถเพาะปลูกข้าวนาปรังได้ตามปกติ ด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากราคาข้าวนาปีที่ลดลงเช่นเดียวกับภาคเหนือ แต่ยังได้รับแรงสนับสนุนจากการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านและการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนในช่วงเทศกาลเป็นปัจจัยหนุนให้ผู้ประกอบการมีมุมมองใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา นอกจากนั้น ผู้ประกอบการในภาคตะวันออกให้น้ำหนักประเด็นการขาดแคลนแรงงานและต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นเป็นปัญหาต่อการประกอบธุรกิจ และในภาคกลาง เราพบว่า ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในบางจังหวัดที่มีแรงสนับสนุนเฉพาะ เช่น จากการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล หรือการลงทุนในอุตสาหกรรม แต่ในภาพรวมแล้ว ยังเห็นความท้าทายในแนวโน้มธุรกิจ SME ต่อเนื่องในปี 2558 นี้จากกำลังซื้อของประชาชนและเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจยังมีอยู่อย่างจำกัดซึ่งส่งผลต่อผลประกอบการ อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการ SME ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีมุมมองเชิงบวกด้านต้นทุนจากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่เริ่มทยอยลดลงช่วงปลายปี เนื่องจากเป็นพื้นที่ซึ่งมีสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงสูงที่สุดของประเทศ โดยมีสัดส่วนการใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลคิดเป็นร้อยละ 40 และ 37 ของปริมาณการใช้ทั้งประเทศ แต่ผลจากการลดลงของราคาพลังงานยังไม่ได้สะท้อนออกมาเป็นมุมมองเชิงบวกในภาคอื่นๆในไตรมาสที่ 4 มากนัก “เนื่องจากปัจจัยบวกส่วนใหญ่เป็นปัจจัยที่ส่งผลในระยะสั้นหรือเฉพาะพื้นที่ ในขณะที่ปัจจัยลบเป็นผลกระทบระยะยาวและกระทบในวงกว้าง จึงทำให้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ส่วนปัจจัยราคาน้ำมันเป็นปัจจัยที่เราติดตามดูผลกระทบในระยะต่อไป” นายเบญจรงค์กล่าวสรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ