ผอ.สคร.7 เผย ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์สวิสไม่น่ากลัว แต่ต้องเฝ้าระวัง

ข่าวทั่วไป Monday March 9, 2015 17:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี ผอ.สคร.7 เผย ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์สวิสไม่น่ากลัว แต่ต้องเฝ้าระวังหากมีอาการ ไข้สูง น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว 2-3 วัน อาการไม่ดีขึ้นต้องไปพบแพทย์ทันที นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงศ์ ผู้อำนวยสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 (สคร.7) กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ว่า กรมควบคุมโรค ได้เฝ้าระวังสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่อย่างต่อเนื่อง จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าขณะนี้ยังไม่มีการระบาดที่รุนแรง แต่ต้องจับตาดูแนวโน้มอย่างใกล้ชิด เพราะยังอยู่ในช่วงของการระบาดตามฤดูกาลเหมือนปีที่ผ่านมาคือ ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม เชื้อที่พบมากที่สุดเป็นชนิดเอ เอช3เอ็น2 ร้อยละ 68 และเป็นสายพันธุ์สวิส มากถึงร้อยละ 90 อย่างไรก็ตามเชื้อนี้ จัดว่าไม่รุนแรงกว่าเชื้อเอช1เอ็น1 หรือไข้หวัด2009 ประชาชนจึงไม่ต้องกังวลมาก และในปีนี้ไทยได้สั่งซื้อวัคซีนจากต่างประเทศ เป็นวัคซีนรวม 3 ชนิด คือ สายพันธุ์ บี สายพันธุ์ย่อยภูเก็ต สายพันธุ์เอ เอช3เอ็น2 สายพันธุ์ย่อยสวิตเซอร์แลนด์ และสายพันธุ์เอช1เอ็น1 หรือไข้หวัด2009 ตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ และตรงกับเชื้อที่มีการติดต่อในประเทศไทย นพ.ศรายุธ กล่าวต่อว่า จากรายงานสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่จำนวนผู้ป่วยใกล้เคียงกับปีที่แล้ว คือตั้งแต่ต้นปี 1 ม.ค. - 28 ก.พ.2558 มีรายงานผู้ป่วย 10,032 ราย เสียชีวิต 8 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว ไม่ได้รับวัคซีนปีที่แล้ว และได้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ช้า ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2557 พบผู้เสียชีวิตในช่วงเวลาเดียวกันถึง 50 ราย ดังนั้น ขณะนี้จึงยังไม่ต้องวิตกมากนัก แต่ก็ไม่ควรประมาท ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่อีสาน 7 จังหวัดรับผิดชอบ พบว่ามีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ลดลง คือ ตั้งแต่ต้นปี 1 ม.ค. - 28 ก.พ.2558 รายงานผู้ป่วย 554 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเสียชีวิต เมื่อเทียบกับ ช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วย 663 ราย นพ.ศรายุธ กล่าวต่อไปว่า อยากให้ประชาชนได้ติดตามข่าวสารการเฝ้าระวังของ สธ. อย่างใกล้ชิด และระมัดระวังการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่โดยเฉพาะ กลุ่มเสี่ยงสำคัญคือ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังได้รับยาเคมีบำบัด เด็ก และหญิงตั้งครรภ์ อาการสำคัญคือ มีน้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ มีไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว ทั่วไปจะมีอาการ 2-3 วัน บางรายอาจมีอาการรุนแรง เช่น ปอดบวม ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ประชาชนควรล้างมือบ่อยๆ หากป่วยให้หยุดงานหยุดเรียนจนกว่าจะหาย ผู้ป่วยใส่หน้ากากป้องกันโรคเมื่ออยู่ในชุมชน กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ควรไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยาต้านไวรัสทันที กลุ่มประชาชนทั่วไป หาก 48 ชั่วโมง อาการไม่ดีขึ้นหรืออาการรุนแรงขึ้น เช่น หอบเหนื่อย ให้พบแพทย์ทันที “สำหรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ กรมควบคุมโรค เตรียมวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ ประกอบด้วยสายพันธุ์ 2009 สายพันธุ์บี และสายพันธุ์ H3N2 โดยปีนี้จะเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ 2 ชนิด คือ สายพันธุ์บีจะเปลี่ยนเป็นสายพันธุ์ภูเก็ต ซึ่งมีการพัฒนาและพบว่ากระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าสายพันธุ์บีชนิดเดิม และสายพันธุ์ H3N2 จะเป็นสายพันธุ์เดียวกับที่พบในฮ่องกง คาดว่าจะนำเข้ามากลาง เม.ย. นี้ จำนวน 3.5 ล้านโดส และให้บริการแก่กลุ่มเสี่ยงต่างๆ ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ตั้งแต่ปลาย เม.ย. เป็นต้นไป หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422" น.พ.ศรายุธ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ