ธุรกิจความงามแข่งเดือด งัดหลากกลยุทธ์ชิงเค้ก 3 หมื่นล้าน

ข่าวทั่วไป Sunday April 19, 2015 20:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--ชมฉวีวรรณ ธุรกิจเสริมความงามถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจ และน่าครองแชมป์ธุรกิจดาวรุ่งในติดต่อกันมาเป็นเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2557 ก็ยังถือว่าเป็นธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินโดดเด่นมากที่สุด นพ.วรพล สุขีวัฒนา แพทย์ประจำแผนกผิวหนังโรงพยาบาล BNH และเจ้าของ "ด๊อกเตอร์โทนี่คลีนิค" เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดความงามและศัลยกรรมบ้านเรายังคงเติบโตต่อเนื่อง จนมีมูลค่าธุรกิจรวมกว่า 30,000 ล้านบาทในปัจจุบัน ขณะที่ "การแพทย์และความงาม" ยังครองอันดับธุรกิจเด่นในปี ติดต่อกันกว่า 4 ปี รวมทั้งปีนี้ด้วย นี่คือตัวเลขที่ได้จากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยส่วนตัวก็คาดว่าธุรกิจโตในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20% เชื่อว่าตลาดรวมยังคงเติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ประมาณ 20% วัดจากมูลค่าตลาด และจำนวนผู้ใช้บริการที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการกันอย่างคึกคักอย่างตอนนี้ เท่าที่ทราบนักท่องเที่ยวประมาณ 1.5 แสนคน ที่มาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในจำนวนนี้มีสูงถึง 50% ที่มาใช้บริการความงามและศัลยกรรม นั้นถือว่า ชาวต่างประเทศมั่นใจในแพทย์ไทยและบริการของเราเพิ่มมากขึ้น สำหรับบทบาทของวงการแพทย์ศัลยกรรมความงามในประเทศไทยที่พร้อมจะเดินหน้าก้าวเข้าสู่เออีซี ในช่วงแรกๆ สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนคือ ตลาดเครื่องมือแพทย์ ซึ่งจะมีการแข่งขันเพื่อแย่งส่วนแบ่งของตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพราะขณะที่บริษัทไทยที่ขายเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ให้กับคลินิกในไทยและประเทศในกลุ่มสมาชิกเออีซี ในขณะเดียวกันจะต้องมีบริษัทใหญ่จากต่างชาติ ที่ได้เปรียบเรื่องเงินทุน สามารถรุกเข้ามาทำธุรกิจแย่งส่วนแบ่งตลาดได้เช่นกัน อีกเรื่องที่ต้องพึงระวังหลังการรวมตลาดอาเซียนแล้วคือ หากหน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะส่วนที่มีหน้าที่ควบคุมการนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ ยังไม่ปรับตัว หากขั้นตอนการอนุมัติต่างๆ ยังยุ่งยากซับซ้อน และเชื่องช้าดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน การพัฒนาของวงการแพทย์ไทยก็อาจสู้เพื่อนบ้านไม่ได้อีกต่อไป โดยมองว่า การเปิดตลาดความงามของแพทย์ไทยสู่ วงกว้าง เป็นการเปิดตลาดที่ใหญ่ขึ้น มั่นใจว่ามีผลที่ดีต่อภาพเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลดีโดยตรงต่อผู้ผลิตสินค้า และต่อยอดให้กับธุรกิจบริการ ในด้านของผู้บริโภคเองก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน เนื่องจากผู้บริโภคจะมีตัวเลือกที่มากขึ้น ได้ราคาที่เหมาะสม สำหรับจุดแข็งของ "ด๊อกเตอร์โทนี่คลีนิค" ในการรับมือกับการก้าวสู่ AEC เรามีข้อได้เปรียบคือ ความน่าเชื่อถือ ประสบการณ์ของแพทย์ และชื่อเสียงของตัวแพทย์ ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจเข้ารับบริการมากกว่าเรื่องของราคา อยากเสริมว่าแพทย์ในธุรกิจนี้ต้องมีชั่วโมงบินสูง มีประสบการณ์มากเพราะเรื่องความงามเหมือนงานศิลปะต้องเชี่ยวชาญและใส่ใจจริงๆ เรามีทีมแพทย์มืออาชีพ รวมถึงเครื่องมือหรือโปรแกรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า คลีนิคของเราถือเป็นธุรกิจเฉพาะกลุ่มที่เน้นด้านบริการความงามและสุขภาพ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าอายุ 40 ปีขึ้นไป เพราะกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและเป็นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการให้ตนเองดูอ่อนกว่าวัย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มากและมีกำลังซื้อสูงไม่ตกตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่าลูกค้าในช่วงอายุที่น้อยลงเฉลี่ย 25-30 ปี ก็เข้ามาให้บริการในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น โดยกว่า 80-90% ยังเป็นลูกค้าหญิง 10-20% แต่ตลาดของผู้ชายมีความน่าสนใจมาก เพราะพฤติกรรมลูกค้าชายจะไม่ค่อยเปลี่ยนสถานที่ใช้บริการหากได้รับความพึงพอใจอยู่แล้ว "แม้ว่าเราจะเป็นน้องใหม่ของธุรกิจนี้ โดยเพิ่งก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 แต่ก็มีลูกค้าประจำและขาจรมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เพราะเราไม่ได้เน้นแข่งขันด้านราคา แต่เน้นเรื่องบริการที่มีคุณภาพ พัฒนานวัตกรรมความงามใหม่ๆ จนกลายเป็นผู้นำเทรนด์ เช่น ล่าสุดนำเครื่องยกกระชับใบหน้าเข้ามา ซึ่งมีความทันสมัยที่สุดในเวลานี้ ถือว่ามีกระแสตอบรับที่ดีมาก เพราะทำแล้วจะไม่รู้สึกเจ็บ ทำให้ได้รับความนิยมและสามารถคืนทุนภายใน 1 เดือนเท่านั้น และขณะนี้พบว่ามีคลินิกอื่นๆ ได้นำเข้าตามมาแล้ว" นพ.วรพล กล่าว สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทำให้มีลูกค้ารู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นการบอกต่อในกลุ่มเพื่อนๆ และส่วนหนึ่งมาจากการสื่อสารสองทางกับลูกค้าผ่านทางแฟนเพจ เฟซบุ๊ก ซึ่งมีผู้ติดตามแล้วกว่า 3 แสนคน โดยจะเข้าไปตอบคำถามความงามลูกค้าเองทุกราย และอาจเป็นเพราะเป็นแพทย์ผิวหนังที่โรงพยาบาลเอกชนอยู่แล้วและมีความเชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์กว่า 5,000 คน ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นและกลับมาใช้บริการซ้ำๆ รวมทั้งมีลูกค้าจากต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการไม่น้อย ส่วนปีนี้ตั้งเป้าจะรุกทำตลาดมากขึ้นผ่านทางสื่อต่างๆ รวมทั้งทีวีดิจิทัลที่เกิดขึ้นมากมายด้วย แต่อยู่ระหว่างพิจารณาช่องทางที่เหมาะสม เช่น การเข้าไปร่วมสนับสนุนในรายการเกี่ยวกับสุขภาพความงาม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้ธุรกิจจะไปได้ดี แต่ส่วนตัวยังไม่มีแนวคิดขยายสาขาของคลินิกเพิ่มจากที่มี 2 แห่ง (ปัจจุบันมีที่ คริสตัล ปาร์ค และทองหล่อ) เพราะมองว่าเรื่องของความงามเป็นเหมือนงานศิลปะที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและใส่ใจจริง ส่วนใหญ่จะให้บริการลูกค้าเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ