ฟิทช์ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศแก่อีซี่บายที่ ‘AA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 19, 2015 12:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) แก่บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) (EB) ที่ ‘AA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ ‘F1+(tha)’ พร้อมกันนี้ฟิทช์ยังได้ประกาศให้อันดับแก่เครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันของ EB ที่ ‘AA(tha)’ และ หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันที่ ‘AAA(tha)’ ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต- อันดับเครดิตภายในประเทศและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ อันดับเครดิตภายในประเทศของ EB สะท้อนมุมมองของฟิทช์ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทจะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ซึ่งคือ ACOM Co., Ltd (ACOM; A-/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ฟิทช์เชื่อว่า EB ถือเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อ ACOM ซึ่งสะท้อนได้จากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในปี 2555 โดยสัดส่วนการถือหุ้นของ ACOM เพิ่มขึ้นเป็น 71% จาก 49% นอกจากนี้ ACOM ยังมีอำนาจในการควบคุมการบริหารงานผ่านทางคณะกรรมการบริหารและการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง และ ACOM ได้ให้การสนับสนุนทั้งในด้านของการเงินและการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน อาทิเช่นการเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้และการให้สินเชื่อโดยตรงอีกทั้งยังมีการถ่ายทอดความรู้ที่สำคัญเชิงเทคนิค อีกทั้งธุรกิจต่างประเทศเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของ ACOM ซึ่ง EB เป็นบริษัทลูกในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดและมีสัดส่วนในการทำรายได้ให้กับบริษัทแม่สูงที่สุด ตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของ EB ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ EB ที่ AA (tha) ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ในการจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มอันดับเครดิตของ ACOM และฟิทช์เชื่อว่าการสนับสนุนจาก ACOM ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ในระยะสั้น ผลการดำเนินงานของ EB ในปี 2558 น่าจะยังคงได้รับแรงกดดันจากการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้น และการลดลงของรายได้จากหนี้สูญได้รับคืน (recovery) แต่ฟิทช์ยังคาดว่าผลประกอบการของ EB น่าจะยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่สูงของบริษัท (ที่ 24.5% ในปี 2557) น่าจะยังช่วยรองรับความเสี่ยงจากการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม EB อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่มากขึ้นจากระดับหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูง (89.5% ของ GDP ณ ปี 2557) และการเติบโตของเศรษฐกิจที่อาจแย่กว่าคาดการณ์ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบให้ผลประกอบการของ EB ปรับตัวแย่ลงอย่างมาก แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอลงตัวในปี 2557 แต่ EB ยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งโดยมีกำไรสุทธิที่ 2.3 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4.2% YoY) คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 27.1% และอัตรากำไรสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ 6.7% คุณภาพสินทรัพย์ของ EB ปรับตัวอ่อนแอลงบ้างแต่ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แม้ว่า EB จะพึ่งพาการระดมทุนจากเงินกู้ยืมสถาบันการเงินและการออกตราสารหนี้เป็นหลัก แต่การสนับสนุนจากบริษัทแม่ซึ่งคือ ACOM (เช่นการให้สินเชื่อแก่บริษัทโดยตรง และการให้ค้ำประกันเงินกู้) น่าจะสามารถลดทอนความเสี่ยงในด้านการระดมทุนและความเสี่ยงในด้านสภาพคล่องได้ในระดับหนึ่ง ระดับเงินทุนของบริษัทยังคงปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยอัตราส่วนส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 26.5% ณ สิ้นปี 2557 เนื่องจากบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในขณะที่สินทรัพย์เติบโตในระดับที่ไม่สูงมากนัก EB เป็นสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคารและเป็นหนึ่งในผู้นำในด้านธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 24% (ของกลุ่มผู้ประกอบการที่มิใช่ธนาคาร) รูปแบบทางธุรกิจของ EB มุ่งเน้นที่ธุรกิจสินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคล โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักคือกลุ่มผู้มีเงินเดือนประจำที่มีรายได้น้อยและกลุ่มพนักงานบริษัท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของสินเชื่อทั้งหมดของบริษัท ACOM เป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านการบริการด้านการเงินสำหรับการอุปโภคบริโภคในประเทศญี่ปุ่น โดย Mitsubishi Financial Group Inc. (MUFG) ถือหุ้น 40% ใน ACOM ฟิทช์มองว่า ACOM เป็นบริษัทที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อกลุ่ม MUFG ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต- อันดับเครดิตในประเทศและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของ ACOM อาจมีผลกระทบไปในทิศทางเดียวกันต่ออันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ EB นอกจากนี้สัญญาณที่บ่งชี้ถึงโอกาสที่น้อยลงในการได้รับการสนับสนุนจาก ACOM อาจส่งผลให้อันดับเครดิตภายในประเทศถูกปรับลดลง อาทิเช่นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของสัดส่วนการถือหุ้นของ ACOM หรือการลดลงของระดับการให้การสนับสนุนทางด้านการเงิน การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ EB อาจส่งผลกระทบไปในทิศทางเดียวกันต่ออันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต- หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกัน อันดับเครดิตหุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของ EB ที่ ‘AAA(tha)’ พิจารณาจากการได้รับการค้ำประกันจาก ACOM ในลักษณะไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้ในการชำระหนี้ที่ค้างชำระภายใต้หุ้นกู้ อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ ACOM ที่ ‘A-’ นั้นอยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวของรัฐบาลไทยที่ ‘A-’ ซึ่งสอดคล้องกับอันดับเครดิตในประเทศที่ AAA(tha) ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต- หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกัน อันดับเครดิตหุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันเป็นอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงสุด จึงไม่มีโอกาสที่อันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่ม อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ ACOM ต่ำกว่าอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวของประเทศไทย รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้ - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’ - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันที่ ‘AA(tha)’ - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้มีผู้ค้ำประกัน ที่ ‘AAA(tha)’

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ