เรียนรู้อย่างบูรณาการ “หนังสือซ่อนรูป-เกมรักการอ่าน” สื่อสร้างสรรค์ส่งเสริมสุขภาวะที่ รร.ชุมชนบ้านตาหลังใน

ข่าวทั่วไป Wednesday May 20, 2015 13:08 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 พ.ค.--ไอแอมพีอาร์ “การอ่าน” เป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้ ที่ช่วยให้เยาวชนสามารถพัฒนาระบบความคิดวิเคราะห์ และนำไปสู่การพัฒนาจิตสำนึกได้ ดังนั้นสื่อการเรียนการสอนที่มีรูปแบบและเนื้อหาที่มีประโยชน์และน่าสนใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความรักการอ่านขึ้นได้ ในปัจจุบันที่โลกก้าวเข้าสู่ยุคโซเชียลมีเดีย(สื่อทางสังคมออนไลน์) อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือหรือสื่อที่ได้รับความนิยมในการค้นคว้าหาข้อมูลเพราะง่ายและทันสมัย แต่กลับทำให้เด็กและเยาวชนไทยอ่านหนังสือน้อยลง จึงพลาดโอกาสและไม่สามารถที่จะสัมผัสองค์ความรู้ที่แท้จริงได้ เพราะข้อมูลบางอย่างในสื่อออนไลน์ต่างๆ อาจผิดพลาดไปจากข้อเท็จจริง ดังนั้นการค้นคว้าจากหนังสือยังเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง แต่คำถามคือ...จะทำอย่างไรให้เด็กรักการอ่าน? คณะครู โรงเรียนชุมชนบ้านตาหลังใน อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ได้มองเห็นปัญหาเรื่องการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กนักเรียน จึงคิดค้นวิธีการส่งเสริมให้เด็กรักการอ่านขึ้นด้วย “หนังสือซ่อนรูป” สื่อสร้างสรรค์ที่เกิดจากการบูรณาการความคิดระหว่างครูกับนักเรียนเข้าด้วยกัน โดยแนวคิดนี้เป็นการ “ต่อยอดการพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้เพื่อสุขภาวะเด็กและเยาวชน” ที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการ “ขยายเครือข่ายสร้างสรรค์สื่อสุขภาวะส่งเสริมการอ่าน” ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน(สสค.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) นายเทิดศักดิ์ แสบงบาล รองผู้อำนวยการ รร.ชุมชนบ้านตาหลังใน เล่าว่าหนังสือซ่อนรูปนี้ เป็นหนึ่งในสื่อสร้างสรรค์ของโครงการต่อยอดฯ หรือโครงการลูกของ โครงการส่งเสริมการอ่านเชิงรุกที่เรียกว่า 9 อุบายรักการอ่าน ที่ทางโรงเรียนได้จัดทำขึ้นจากการบูรณาการร่วมกับทุกกลุ่มสาระ โดยครูทุกคนจะต้องช่วยกันคิดและออกแบบสื่อในชั้นเรียนของตนเอง “สื่อสร้างสรรค์คือการให้ความรู้ในรูปแบบใหม่ๆ ที่คณะคุณครูจะต้องช่วยกันคิดและนำเอาสิ่งที่เด็กๆ ได้เห็นจากในทีวีและสิ่งรอบตัวมาประยุกต์เป็นสื่อราคาถูกที่พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้อย่างสนุกสนานจากการอ่าน จากการเล่นเกม และสามารถถ่ายทอดไปสู่รุ่นต่อๆไปได้” อ.เทิดศักดิ์ระบุ “หนังสือซ่อนรูป” เป็นการสอดแทรกเนื้อหาการเรียนรู้สำหรับเด็กนักเรียนบรรจุลงไปในสื่อรูปแบบต่างๆ ของนักเรียนชั้น ป.1 ถึง ป.6 อาทิ หนังสือป๊อปอัพ หนังสือวงกลม, เกมทายอักษร, หนังสือสามมิติ, จัตุรัสมหัศจรรย์, โมบาย, เซียมซีความรู้ ฯลฯ ซึ่งเกิดผลตอบรับที่ดีมากกับเด็กนักเรียนทางคณะครูจึงได้ต่อยอดไปสู่การทำสื่อสร้างสรรค์เพื่อสร้างสุขภาวะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำให้กายเป็นสุข เช่น การดูแลสุขภาพ ความสะอาด และเรื่องของการทำให้ใจเป็นสุข เช่น เรื่องของธรรมะ เป็นต้น อีกทั้งยังขยายกลุ่มจากนักเรียนชั้น ป.1 ถึง ป.6 ไปจนถึงนักเรียนชั้น ม.3 อีกด้วย นางพีริยา วงษ์ธานี ครูผู้รับผิดชอบโครงการ เปิดเผย การทำสื่อสร้างสรรค์ในรูปแบบดังกล่าว โรงเรียนชุมชนบ้านตาหลังในนั้นถือได้ว่าเป็นผู้นำเลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่ประสบความสำเร็จภายในโรงเรียนแล้ว คณะครูยังได้นำกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ขยายไปสู่โรงเรียนในเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง “โครงการต่อยอดเริ่มจากการอบรมขยายความรู้ให้คุณครูสามารถผลิตสื่อต่างๆ ได้ เมื่อทำได้แล้ว จึงจะมีนำเอาความรู้เรื่องของสุขภาวะเข้ามาใส่ในสื่อด้วย เพื่อที่คุณครูจะได้นำสื่อหนังสือซ่อนรูปไปบรรจุไว้ในห้องเรียน และนักเรียนก็จะนำสื่อไปหาความรู้อีกทีหนึ่งหรืออาจนำกิจกรรมอื่นๆ เข้ามาเสริมควบคู่ด้วย ข้อดีของสื่อชนิดนี้ก็คือเด็กๆ สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายๆ อยู่ตรงไหนก็อ่านได้แตกต่างจากคอมพิวเตอร์ที่ต้องเข้าไปนั่งประจำที่ในห้องเรียน และเมื่อก่อนเด็กๆ เบื่อที่จะอ่านหนังสือ แต่ด้วยความน่าสนใจของสื่อชนิดนี้ทำให้เขาสนใจอ่านหนังสือมากขึ้น” ครูพีริยาระบุ โดยปัจจุบันมีผลงานหนังสือซ่อนรูปจากฝีมือคุณครูให้บริการกับเด็กๆ ในโรงเรียนบ้านตาหลังใน มากกว่า 100 ชิ้น และมีหนังสือซ่อนรูปอีกกว่า 500 ชิ้น ที่คณะครูจากโรงเรียนเครือข่ายทั้ง 9 แห่งร่วมกันทำขึ้นมากระจายอยู่โรงเรียนเครือข่ายประกอบไปด้วย โรงเรียนบ้านโคกน้อย โรงเรียนบ้านคลองธรรมชาติ โรงเรียนบ้านหินกอง โรงเรียนบ้านเขาตะกรุบพัฒนา โรงเรียนบ้านไร่สามสี โรงเรียนบ้านเนินสายฝน (แหลมทอง) โรงเรียนบ้านทัพหลวง โรงเรียนบ้านหนองแก และ โรงเรียนบ้านหนองหว้า ด.ญ.สุดาวดี ศรีแสน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่าว่า “ชอบใช้เวลาว่างมานั้นเล่นและทายปัญหากับเพื่อนๆ และชอบอ่านกล่องทะลุมิติ หนังสือสามมิติที่สอนเรื่องการล้างมือ ทำให้เรารู้ว่าขั้นตอนในการล้างมือต้องทำอย่างไร นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องธรรมะและคุณธรรมที่อ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย ความรู้จากการอ่านยังช่วยเสริมกับการเรียนวิชาสังคมและสุขศึกษาด้วย บางเรื่องก็นำไปเล่าให้คุณพ่อแม่ฟัง อย่างเรื่องของการใช้ช้อนกลาง” ด.ญ.ชุติมา สีชมพู นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่าว่า “เมื่อก่อนไม่เคยรู้เรื่องสมุนไพรเลย แต่พอได้อ่านเรื่องเกร็ดความรู้เรื่องสมุนไพร ทำให้เรารู้ว่าพืชสมุนไพรในพื้นที่ชุมชนของเราบางอย่างสามารถแก้ไขอาการเจ็บป่วยของร่างกายได้ ถ้าเราท้องผูก เราก็กินสับปะรด มะละกอ ก็จะช่วยได้ พืชผักผลไม้ทุกอย่างมีสรรพคุณและมีประโยชน์” ด.ญ.ศิริวรรณ ชิดชมนาด นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่าว่า “ชอบสื่อการสอนที่เป็นภาษาอังกฤษ ยามว่างก็จะชวนเพื่อนนำมาต่อเป็นคำศัพท์ บางทีก็ไปขอยืมเอาหนังสือของห้องอื่นมาอ่าน พอใช้เสร็จแล้วก็รีบเอาไปคืนให้คนอื่นอ่านต่อ วิธีการนี้ทำให้อ่านภาษาอังกฤษได้คล่องมากขึ้น” “ความตั้งใจของเราก็คือพยายามขยายโครงการนี้ออกไปให้ได้มากที่สุด เพราะสื่อแบบนี้ทำให้เราสามารถเพิ่มเติมให้มีเนื้อหาหลากหลายได้มากขึ้น เด็กได้นำไปปฏิบัติจริงและถ่ายทอดให้ผู้ปกครองด้วย มีประโยชน์ทั้งต่อนักเรียน ชุมชน และยังสามารถขยายแนวคิดต่างๆ ไปให้กับเพื่อนครูต่างโรงเรียนสามารถนำไปต่อยอดได้ไม่มีข้อจำกัด” อ.เทิดศักดิ์ แสบงบาล กล่าวถึงข้อดีของหนังสือซ่อนรูป การเรียนรู้อย่างสนุกสานที่สามารถผสานความรู้เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาวะเข้าไปได้อย่างกลมกลืน จะถูกซึมซับเข้าไปในกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ ทีละน้อย จนทำให้เขามองเห็นประโยชน์ และสามารนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในชีวิตจริง ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่จะก่อให้เกิดสังคมสุขภาวะที่ยั่งยืน.
แท็ก เสริมสุข  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ