มิวเซียมสยามจัดเอ็กซ์คูลซีฟทริป “กาลครั้งหนึ่ง...อัมพวา”

ข่าวท่องเที่ยว Thursday June 18, 2015 19:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ มิวเซียมสยามจัดเอ็กซ์คูลซีฟทริป “กาลครั้งหนึ่ง...อัมพวา”ให้แก่สมาชิกมิวเซียมสยาม ‘มิวสพลัส’ ได้สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนริมแม่น้ำแม่กลอง มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ (Museum Siam: Discovery Museum) ภายใต้สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) จัดกิจกรรม “มิวสพลัส เอ็กซ์คูลซีฟ ทริป (Muse PLUS Exclusive Trip) ตอน กาลครั้งหนึ่ง...อัมพวา” พาเหล่าสมาชิกมิวเซียมสยาม ‘มิวสพลัส’ 10 ครอบครัว เปิดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ทั้งสนุกและได้สาระ ผ่านการสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนพื้นบ้านริมน้ำแม่กลอง พร้อมชมสาธิตวิธีการทำน้ำตาลมะพร้าว การทำแกงกระดองกรุบ แกงท้องถิ่นโบราณที่หาทานได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น การทำผลไม้กลับชาติ (แช่อิ่ม) และยังได้เรียนรู้วิธีการทำซอจากมะพร้าวซออีกด้วย แถมงานนี้เหล่าสมาชิกยังได้นุ่งโจง ห่มสไบ มาช่วยกันทำขนมรังไร และพับดอกกุหลาบจากใบเตย พร้อมเยือนอุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ณ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ยุวเนตร ประทุมทา นักจัดการความรู้อาวุโส ฝ่ายสื่อสารและการตลาด มิวเซียมสยาม เผยว่า “กิจกรรมมิวสพลัส เอ็กซ์คูลซีฟ ทริป (Muse PLUS Exclusive Trip) ตอน กาลครั้งหนึ่ง...อัมพวา จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกมิวสพลัสกว่า 1 หมื่นคน ได้ร่วมสนุกลุ้นเป็น 10 ครอบครัวผู้โชคดี ร่วมทริปสุดเอ็กซ์คูลซีฟที่อัมพวานี้ เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อหวังกระตุ้นให้เกิดการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ๆ ผ่านการสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชน ซึ่งนับเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิต และเชื่อว่าจากกิจกรรมนี้ จะช่วยสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน และเกิดวัฒนธรรมการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ต่อไป ” เหล่าสมาชิกมิวสพลัสทั้ง 10 ครอบครัว ที่ร่วมในกิจกรรมมิวสพลัส เอ็กซ์คูลซีฟ ทริป (Muse PLUS Exclusive Trip) ตอน กาลครั้งหนึ่ง...อัมพวา รวมตัวกันที่มิวเซียมสยาม และเดินทางมุ่งสู่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม โดยระหว่างที่เดินทางยังได้เที่ยวชม พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย ซึ่งมีนิทรรศการกึ่งถาวร ในชื่อเมืองมายา เป็นนิทรรศการกลางแจ้งขนาดใหญ่ ที่ประกอบด้วยฉากจำลองตึกรามและสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ของโลก อาทิ ห้อง Salon Indien ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเมื่อ 120 ปีที่แล้ว Salon Indien เป็นสถานที่ฉายภาพยนตร์ขึ้นจอเป็นครั้งแรกของโลกและเก็บค่าเข้าชม หรือโรงหนังนิเกิลโลเดียน (โรงหนังตังค์แดง) โรงหนังถาวรโรงแรก ของโลก ตั้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2448 โรงมหรสพราคาถูก ที่เก็บค่าเข้าชมเพียง 1 นิเกิล หรือ 5 เซ็นต์ และมีที่นั่งชมเพียง 96 ที่ แต่ในวันเปิดฉายวันแรกนั้น กลับมีผู้เข้าชมมากถึง 450 คน ซึ่งที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ไม่เพียงรวบรวมข้อมูลประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ต่างประเทศ แต่ยังรวมบรวมข้อมูลและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของวงการภาพยนตร์ไทย ที่ต่อเชื่อมถึงกันได้อย่างกลมกลืนกลายเป็นเมืองๆ หนึ่งเลยทีเดียว จากนั้นเดินทางต่อเพื่อไปสักการะหลวงพ่อนิลมณีแห่ง วัดบางกุ้ง ซึ่งประดิษฐานอยู่ในโบสถ์ปรกโพธิ์ อุโบสถเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ที่นับเป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์เลยก็ว่าได้ เพราะหากมองจากด้านนอกแล้วดูเหมือนเป็นต้นไม้ใหญ่เก่าแก่ แต่จริงๆ แล้วเป็นพระอุโบสถโบราณอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีต้นโพธิ์ขึ้นปกคลุมโดยรอบ และที่วัดบางกุ้งนี้เองยังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย แต่เดิมนั้นวัดบางกุ้งนี้เป็นค่ายบางกุ้ง สถานที่ตั้งของค่ายรบในสมัยกรุงศรีอยุธยา และไปเที่ยวกันต่อที่ อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรืออุทยาน ร.2 ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยมีเนื้อที่ 20 กว่าไร่ ติดกับแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตไทยสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จะเป็นเรือนไทยหมู่ 5 หลัง ประกอบด้วย พิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตไทยสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ 4 หลัง ในห้องต่างๆ จะได้จำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย ทรงผม การละเล่นต่างๆ และพิพิธภัณฑ์มรดกไทยทางวัฒนธรรมอัมพวา 1 หลังที่จำลองวิถีชีวิตของคนในชุมชนอัมพวา รวมถึงยังมีห้องที่ปูชนียบุคคลสำคัญที่เป็นคนอัมพวา เช่น หลวงประดิษฐไพเราะ หรือศร ศิลปบรรเลง , ครูเอื้อ สุนทรสนาน และครูทูล ทองใจ เป็นต้น ไม่เพียงเท่านี้ยังมีอาคารไทยหมู่ 9 หลัง ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และยังจัดแสดงพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระอัจฉริยะภาพในทางศิลปกรรม วรรณศิลป์ และดนตรีไทย เพื่อให้การชมอุทยาน ร.2 เต็มไปด้วยความสนุก ได้เรียนรู้และจดจำ เหล่าสมาชิกมิวสพลัสทั้ง 10 ครอบครัว จึงได้ร่วมใจเปลี่ยนชุดนุ่งโจงกระเบน ห่มสไบ มาร่วมช่วยกันพับดอกกุหลาบใบเตย และทำขนมรังไร ขนมไทยโบราณซึ่งมีบรรยายอยู่ในพระราชนิพนธ์กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน ของรัชกาลที่ 2 อีกด้วย จากนั้นเดินทางต่อไปยัง อาสนวิหารแม่พระบังเกิด สถานที่สักการะอันศักดิ์สิทธิ์ของคริสตชนนิกายโรมันคาทอลิก ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมกอทิก ภายในประดับด้วยกระจกสีที่สวยงามซึ่งเป็นเรื่องเล่าในตำนานศาสนาคริสต์ ในตอนค่ำล่องเรือรอบเกาะอัมพวา เพื่อชมความงดงามของหิ่งห้อย ท่ามกลางบรรยากาศป่าอันอุดมสมบูรณ์ริมแม่น้ำแม่กลอง ในวันที่ 2 ของกิจกรรม “มิวสพลัส เอ็กซ์คูลซีฟ ทริป (Muse PLUS Exclusive Trip) ตอน กาลครั้งหนึ่ง...อัมพวา” เหล่าสมาชิกมิวสพลัสร่วมกันปั่นจักรยานเพื่อไปสัมผัสวิถีชีวิตของคนใน ชุมชนบ้านบางพลับ ชุมชนดั้งเดิมในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่คนในพื้นที่ส่วนใหญ่ทำอาชีพการเกษตรแบบผสมผสาน โดยเหล่าสมาชิกยังได้ชมการทำน้ำตาลมะพร้าว และที่เป็นที่สนใจของสมาชิกมิวสพลัส คือ แกงกระดองกรุบ แกงท้องถิ่นโบราณที่มีวัตถุดิบหลักเป็นกะลามะพร้าวอ่อน ที่ให้รสชาติจัดจ้าน หอมด้วยสมุนไพรเครื่องเทศต่างๆ โดยนำกะลามะพร้าวอ่อนที่หั่นแบ่งครึ่ง มาคว้านออกแล้วนำมาซอย โดยผัดพริกแกงร่วมกับน้ำ ให้พอหอม จากนั้นเติมน้ำ ปรุงรสด้วยน้ำปลา ข้าวคั่ว ใส่กระชายซอย กะลามะพร้าวอ่อนซอย ใส่กุ้ง ตามด้วยพริกไทยอ่อน มะเขือพวง มะเขือเปราะ โรยหน้าด้วยใบกระเพรา จากนั้นปั่นจักรยานกันต่อเพื่อไปดูวิธีการทำ ผลไม้กลับชาติ (แช่อิ่ม) ที่หมู่บ้านบางพลับแห่งนี้เป็นที่แรกที่ขึ้นชื่อในเรื่องการนำผักที่หลายๆ คนไม่ชอบ อย่าง บอระเพ็ด มะระขี้นก หรือพริก มาแช่อิ่มจนลืมความขมความเผ็ด จนได้ฉายาว่าเป็นผลไม้กลับชาติ จากนั้นไปดูวิธีการ ทำถ่าน ที่มีรูปทรงแปลกตา อย่างสัปปะรด มังคุด น้อยหน่า เพราะวิธีการทำนั้น นำผลไม้ที่เราอยากจะให้เป็นถ่าน ใส่ลงในปี๊บ แล้วนำไปวางบนฟืนในเตาเผา จากนั้นติดไฟที่ฟืนและปิดฝาเตาเผา โดยที่ฝาจะมีช่องไว้สำหรับระบายอากาศ โดยใช้ระยะเวลาในการเผาประมาณ 8 ชั่วโมง จะได้ผลไม้ที่ยังคงรูปทรงต่างๆ เพียงแต่เป็นถ่าน ซึ่งได้รับความนิยมมากๆ เพราะมีคนสนใจซื้อไปเป็นของโชว์ประดับบ้าน และยังช่วยดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย ปิดท้ายกิจกรรม “มิวสพลัส เอ็กซ์คูลซีฟ ทริป (Muse PLUS Exclusive Trip) ตอน กาลครั้งหนึ่ง...อัมพวา” ด้วยการไปเยือน บ้านพญาซอ แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ผลิตซออู้ เครื่องดนตรีไทยประเภทเครื่องสาย โดยผลิตขึ้นจากมะพร้าวซอ มะพร้าวพันธุ์พื้นบ้านของจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งมะพร้าวสายพันธุ์นี้จะมีกะลาเป็นรูปสามเหลี่ยมโดยรอบไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตาม มาร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน และเกิดวัฒนธรรมการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ได้ ด้วยการเป็นสมาชิกมิวเซียมสยามมิวสพลัส (Muse PLUS) พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ ส่วนลดค่าเข้าชมมิวเซียมสยาม ส่วนลดร้านขายของที่ระลึกร้านอาหารในมิวเซียมสยาม โดยสามารถสมัครฟรีได้แล้ววันนี้ที่มิวเซียมสยาม (ท่าเตียน) และติดตามกิจกรรม “มิวสพลัส เอ็กซ์คูลซีฟ ทริป (Muse PLUS Exclusive Trip) การท่องเที่ยวสุดเอ็กซ์คูลซีฟสำหรับสมาชิกมิวสพลัสในครั้งต่อไปได้ที่ www.facebook.com/museumsiamfan เร็วๆ นี้ หรือสอบถามได้ที่ 02-225-2777 ต่อ 123

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ