วูบเดียวเปลี่ยนชีวิต “นุกนิก ตีสิบ” คิดสั้น “ฆ่าตัวตาย” กราบขอโทษ “พ่อ-แม่” จากนี้ไม่คิดหนีปัญหา

ข่าวบันเทิง Thursday September 3, 2015 13:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--อาร์เอส เมื่อไม่กี่วันมานี้มีข่าวว่า "นุกนิก ตีสิบ" คิดสั้นฆ่าตัวตาย เพราะอารมณ์ชั่ววูบเพราะทุกอย่างถาโถมเข้ามาจนจิตใจรับไม่ไหว ทั้งภาระทางการเงินที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดใจกับรายการ "ข่าวช่อง 2" ทาง "ช่อง 2" ข่าวลึก บันเทิงร้อน ว่าครอบครัวของตน "ยากจน" ที่ผ่านมาทำงานไม่เคยเกี่ยงเงินมาก เงินน้อย หวังให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และการ "ฆ่าตัวตาย" ในครั้งนี้คือบทเรียนราคาแสนแพง พร้อมกราบขอดทษ "พ่อ-แม่" จากนี้ไปจะไม่คติดหนีปัญหาด้วยวิธีนี้อีก ณ วันนั้นอะไรที่ทำให้เราไม่อยากมีชีวิตอยู่ ? "ปัญหามันมีทุกคน อยู่ที่ว่าเราจะเลือกทางออกทางไหน นุกนิกเป็นลูกคนที่ 2 มีพี่น้อง 2 คน พี่สาวเพิ่งเสียไปปีที่แล้ว เมื่อก่อนหนูเป็นครูสอนนาฏศิลป์ ข้าราชการเนาะ เงินเดือนมันน้อย พอพี่สาวเสียทุกสิ่งทุกอย่างมันมาตกอยู่ที่หนูหมดเลย ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าคอนโด ค่ากินค่าอยู่ทุกอย่างเป็นหนูหมด" เราเป็นเสาหลักของบ้าน ? "ใช่ค่ะ แล้ววันนั้นทั้งค่าโน้นค่านี่มันโถมมมาหาเรา เราคิดอะไรม่าออก ทำอะไรไม่ถูก จะไปปรึกษาใครเรื่องเงินเรื่องทอง หนูบอกตรงๆ หนูยืมพี่แสนหนึ่งพี่จะให้หนูยืมไหม ปัญหาของใคร ใครก็ช่วยกันไม่ได้" ปัญหาหลักคือเรื่องเงิน ? "ใช่ค่ะ" ถ้าวันนั้นเราไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แล้วพ่อแม่ล่ะ ? "ตอนนั้นไม่ได้คิด คิดแค่ว่าถ้าเราตายไปแล้วปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างจบ คิดแค่นี้ ไม่ได้คิดว่าพ่อแม่ต้องมารับผิดชอบภาระต่อเรา มันเปส็นช่วงวูบหนึ่งเท่านั้นหนูคิดอย่างนี้" วันนั้นเรื่องราวเป็นยังไง ? "วันนั้นใกล้ๆ จะสิ้นเดือน ค่ารถ ค่าโน้นค่านี่มา เราหมุมเงินไม่ทัน คิดแหละว่าจะไปยืมใคร หนูไม่กลเ บอกตรงๆ เป็นคนหน้าด้านไม่ค่อยกล้ายืมเงินใคร ไม่มีก็คือไม่กินไม่แดกมันเลย ประมาณนั้น คืออด ไม่ต้องให้ใครรู้ พ่อแม่เราก็จะไม่รู้" เรื่องเงินเนี่ยเรามีปัญหาก่อนหน้านี้ไหม ? "เมื่อก่อนตอนพี่สาวหนูอยู่ก็พอเจียดใช้ได้ เมื่อก่อนพ่อแม่ก็ส่งให้สบายๆ แต่พอพี่สางวเสียทุกอย่างก็ดร็อปลงหมดเลย หนูต้องหาเอง ตระเวนหาหมดทุกอย่าง ร้องเพลงวันละ 200-300 หนูไปหมดเลยนะ ไม่เคยเกี่ยงเงินน้อย ไปหมดเลย งานวัดงานว่า งานฉลอง บุญบ้านใหม่ หนูไปหมด ไม่เคยเกี่ยง" เรามีปัญหาเรื่องเงินตั้งแต่เดือนไหน ที่หนักๆ ? "ตั้งแต่ต้นไป นุกนิกอยู่ต่างจังหวัดมาก่อน คราวนี้ก็เข้ามาอยู่กรุงเทพ ภาระมันก็ยิ่งเยอะเนาะ เราก็คิดอยู่ว่าทำยังไงให้ได้เงินมาส่ง มาจุนเจือครอบครัว ให้พ่อให้แม่ได้สบาย" ไม่คิดขายรถที่ใช้อยู่ ? "ไม่ ถ้าภาระตรงนี้หนูทำมันขึ้นมาแล้วทำไม่ได้หนูจะไม่ทำ คือตอนนั้นในความคิดของหนู หนูไม่คิดอะไรเลย อยากตายอย่างเดียว อยากหนีปัญหา ตายแล้วปุ๊บทุกสิ่งทุกอย่างจบประมาณนั้น" ขออนุญาติถาม คิดจะตายยังไง ? "บอกตรงๆ นะตอนแรกคิดจะผุกคอตาย คือรู้แหละว่าถ้าผูกคอตายสมมุติมันไม่ตายขึ้นมามันทรมาน เครียดมา หนูไม่กล้าโทรหาแม่ ไม่กล้าบอกปัญหาทุกสิ่งทุกอย่าง หนูรับผิดชอบคนเดียวทุกอย่าง ไม่เคยบอกญาติพี่น้อง ไม่เคยบอกเพื่อนให้ฟังเลย เป็นแบบนี้ ก็เลยตัดสินใจกินยาดีกว่า ยาพาราแต่ไม่รู้กินเยอะขนาดไหน มันมือ แต่เป็นกำ ก็ยัดใส่ปากเลย" หลังจากกินเป็นไงบ้าง ? "รู้สึกว่าเราไปนอนดีกว่า เก๋ๆ สบายๆ แต่พอไปสักพักรู้สึกมันทรมาน มันออกร้อน ร้อนแบบ... มันบอกไม่ถูก แล้วคราวนี้ก็ประมาณว่ากูจะตายไม่ได้นะ ถ้ากูตายไปแล้ว พ่อกับแม่กูจะอยู่ยังไง ระหว่างที่เรานอนอยู่มันก็ฉุกขึ้นมาในหัว แว้บหนึ่งพ่อกับแม่ ถ้านุกนิกตายไปพ่อกับแม่จะอยู่ยังไง ประเด็นสำคัญคือเพิ่งจะสียพี่สาวไปด้วย ก็เลยคิดขึ้นมาได้ ไม่ไหวนะ เราหนีปัญหาไม่ได้นะ พ่อกับแม่ต้องรับผิดชอบภาระทุกสิ่งทุกอย่างแทนเรา ก็เลยโทรหายาม พาหนูไปโรงพยาบาลหน่อย ยามก็ถามว่าห้องไหน ตอนนั้นเราเบลอแล้ว บอกเขาชั้น 5 เข้าก็ขึ้นมาก็เคาะหา แต่หนูไม่ได้ตอบ เขาก็ไม่กล้าเปิดห้องเพราะเขาเป็นยาม สักครุหนึ่งเราก็บอกเขาว่าอยู่ห้องนี้ มันอึกอัก พูดอะไรไม่ถูก มันแน่นอกมันทำอะไรไม่ถูก ยาม 2 คน ตอนแรกมาคนหนึ่งยกไม่ไหว ยามเท่าหน้าแข่งหนูเองค่ะ(หัวเราะ) ยามมา 2 คน หามลงลิฟท์เรียกแท็กซี่แล้วก็ไปส่งโรงพยาบาล" ตอนที่เห็นว่ามีคนมาช่วยแล้วรู้สึกยังไง ? "เรารอดตายแล้ว" คิดกลับกันกับตอนแรกเลย ? "มันเป็นอะไรแค่วูบเดียว วูบเดียวชีวิตเราเปลี่ยนเลยนะคะหนูบอกตรงๆ โชคดีที่หนูคิด หนูมีพ่อมีแม่ที่คอยดูแลเราอยู่ เราก็ต้องดูแลท่าน หนูคิดผิดมากๆ ที่ฆ่าตัวตาย" พ่อแม่รู้เรื่องแล้ว ? "ตอนแรกหนูจะไม่บอกท่านนะ" ตัดสินใจบอก ? "เหลือหนูคคนเดียว ถ้าหนูตายไปจะไม่บอกท่านเหรอ หนูๆไม่ได้บอกเขาหรอก โซเชี่ยลทางบ้านเขามีเฟชบุ๊คกัน คือแม่แกเป็นึคนบ้านนอกไปเหฌนหรอก แต่พอตอนเย็นมานิดลูกอกเป็นอะไร(ทำท่าโทรศัพท์) อยู่โรงพยาบาล สายยงสายยางกินยาอะไร มีคนไปบอกแม่ที่สวดมนต์อยู่วัด ตกใจ โทรมาหนูก็ไม่ได้รับเพราะว่าโทรศัพท์อยู่ที่ห้อง" สุดท้ายได้คุยกับแม่ตอไหน ? "อีกวัยนหนึ่งค่ะ โทรไปหาเพื่อน ก็จะบอกเพื่อนแหละว่าไม่ต้องบอกพ่อกับแม่นะ กลัวแกเป็นห่วงมาก ไม่รู้หรอกว่าเขารู้แล้ว" วันที่ได้คุยกับพ่อแม่ หลังจากที่เขารู้เรื่องเขาว่ายังไง ? "ลูกแม่เหลือลูกคนเดียว แกบอกว่าหัวใจแกจะหล่นจากขวัญ(จะขาดใจ) สงสารแก ความพ่อเป็นหนูแม่เข้าใจ หนูสงสารแม่ หนูอยากกราบเท้าแม่(พนมมือน้ำตาคลอ) กับพ่อ ถ้าหนูมีโอกาสหนูจะพูดกับแกเลยว่า พ่อแม่คือหนูไม่ตั้งใจ นุกนิกทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพ่อกับแม่ ไม่ได้เพื่อตัวเองเลยทุกวันนี้ที่เข้ามากรุงเพทพคืออยากหาเงิน อยากทำรายได้ให้พ่อกับแม่ได้มีความสุขเท่าเทียมกับคนอื่เขา เพราะว่าหนูเป็นคนจน หนูไม่ได้มือเงินมากมายอะไรเลย หนูอยากโด่งดัง มีชื่อเสียง หนูทำทุกอย่างไม่เคยเกี่ยงเงินน้อยเงินมากเลยพี่"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ