ฟอร์ดชูเทคโนโลยีการพ่นสีแบบ 3 wet ช่วยให้สีรถเงางาม และติดทนนานขึ้น 56 เปอร์เซ็นต์

ข่าวยานยนต์ Tuesday May 24, 2016 12:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 พ.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์ · เทคโนโลยีการพ่นสีแบบ 3 wet high solid ของฟอร์ด โดยการพ่นทับกัน 3 ชั้น และอบสีเพียงครั้งเดียว (3-wet paint technology) ซึ่งสีที่ใช้เป็นสารเคมีที่มีความเข้มข้นสูง จึงทำให้มีพื้นผิวหนาและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และยังทนทานต่อการขีดข่วน การแตกกระเทาะและป้องกันการกัดกร่อนของสี · รถยนต์ฟอร์ดที่ผลิตในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ล้วนได้รับการเคลือบสีด้วยสาร โพลีไวนีลคลอไรด์ (polyvinyl chloride) หลายชั้น เพื่อป้องกันการเกิดสนิม และสีแตกกระเทาะ · เทคโนโลยีการพ่นสีแบบ 3 wet high solid ของฟอร์ด ช่วยให้สีรถมีความเงางาม และคงทนได้นานขึ้นถึง 56 เปอร์เซ็นต์ รอยขีดข่วน สีแตกกระเทาะ และสนิม เป็นคำที่ผู้ใช้รถยนต์ต่างไม่ชอบใจ เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับรถของตน อย่างไรก็ดี ผู้ใช้รถยนต์ฟอร์ดสามารถคลายกังวลกับปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยเทคโนโลยีการพ่นสีแบบ 3 wet ของฟอร์ด (3-wet paint technology) ซึ่งฟอร์ดได้นำมาใช้ในการผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้สีรถของฟอร์ดติดทนนาน และยังคงสีสัน สง่างาม ไปอีกตลอดหลายปี "ในเทคโนโลยีการพ่นสีแบบ 3 wet ของฟอร์ดนั้น เราใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้นสูง จึงทำให้สีมีความหนาและทนทานมากยิ่งขึ้น" มร. ริชาร์ด เบอร์ท หัวหน้าส่วนงานวิศวกรรมการผลิตรถยนต์ทางด้านเทคนิคสี ของฟอร์ด เอเชีย แปซิฟิก กล่าว "เทคโนโลยีการพ่นสีแบบ high solid ของฟอร์ดเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ สารเคมีที่ฟอร์ดอนุมัติให้ใช้ในกระบวนการผลิต ช่วยให้สีที่เราผลิตออกมามีคุณภาพที่ดีกว่า ทั้งในเรื่องความเข้มข้น และทนทานของสี ทำให้สีที่พ่นบนรถของเรามีความทนทานต่อการขีดข่วน การแตกกระเทาะ และช่วยป้องกันการกัดกร่อนของสีอีกด้วย" การใช้ส่วนประกอบของสารเคมีที่มีความเข้มข้นสูงขึ้น (ทั้งเรซิ่นที่เป็นสารทำละลาย และตัวสี) ในการผสมสีเคลือบรถนั้น จะช่วยให้เนื้อสีที่ได้มีความเข้มข้นมากขึ้น และสามารถเกาะติดตัวถังรถได้ดีและทนทานกว่าเดิม ก่อนที่ฟอร์ดจะเริ่มขั้นตอนการพ่นสีรถยนต์นั้น รถยนต์ทุกคันจะต้องผ่านกระบวนการเตรียมความพร้อมของผิวรถเบื้องต้น (pretreatment) ก่อน โดยการนำตัวถังรถมาทำความสะอาด และล้างคราบมันออกด้วยการใช้สารฟอสเฟต จากนั้นตัวรถจะเข้าสู่ขั้นตอนการเคลือบสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้าแรงสูง โดยการนำตัวถังรถทั้งคันชุบลงไปในบ่อสารเคมี ซึ่งกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่ใช้จะช่วยให้สีสามารถยึดติดกับตัวรถได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การชุบตัวถังรถทั้งคันลงไปในบ่อสารเคมีนี้ เป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้สารเคมีที่ใช้ป้องกันสนิมสามารถเข้าไปเคลือบได้ในทุกอณูของโครงสร้างรถยนต์ ซึ่งรถยนต์ฟอร์ดที่ผลิตในเอเชีย แปซิฟิก ต่างได้รับการเคลือบสีด้วยสาร โพลีไวนีล คลอไรด์ (polyvinyl chloride) ที่ช่วยป้องกันสีแตกกระเทาะได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัญหาสีแตกกระเทาะเหล่านี้ มักมาจากก้อนกรวด เศษหิน ที่มีอยู่ทุกที่บนถนน ซึ่งปัญหานี้สามารถทำให้รถยนต์เกิดสนิมได้ เทคโนโลยีการพ่นสีแบบ 3 wet ของฟอร์ดจะเริ่มขึ้นหลังจากรถได้ผ่านกระบวนการเตรียมความพร้อมของผิวรถเบื้องต้น (pretreatment) แล้ว โดยตัวรถจะเข้าสู่กระบวนการพ่นสีทั้งหมด 3 ขั้นตอน ได้แก่ การพ่นสีรองพื้น (primer) การพ่นสีจริง (color coat) และการพ่นสีเพื่อเคลือบผิวรถ (clear top coat) การพ่นสีรองพื้น (primer) จะช่วยปกป้องสีรถจากแสงอาทิตย์ และทำให้สีมีความแข็งแรง ทนทานต่อการขีดข่วน และการแตกกระเทาะได้ดียิ่งขึ้น จึงสามารถลดผลกระทบที่เกิดจากการขีดข่วนของเศษหิน และก้อนกรวดได้เป็นอย่างดี และในขั้นตอนต่อไป คือ การพ่นสีจริง (color coat) และการพ่นสีเพื่อเคลือบผิวรถ (clear top coat) เพื่อทำให้สีรถมีสีสันสด สวย เงางามเป็นประกาย และเป็นการเพิ่มการป้องกันสีรถอีกชั้น "ฟอร์ดเข้มงวดกับมาตรฐานสีรถเป็นอย่างมาก บริษัทผู้ผลิตสีให้เราต้องผลิตสีให้ได้ตรงตามมาตรฐานที่ฟอร์ดกำหนดทั้งด้านคุณภาพและความทนทาน" มร. เบอร์ท กล่าว "คำว่ามาตรฐานนี้ ไม่ใช่เพียงแค่มาตรฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วไป แต่หมายถึงมาตรฐานของฟอร์ดเท่านั้น" เพื่อให้มั่นใจว่า รถยนต์ฟอร์ดทุกคันมีคุณภาพสีที่ตรงตามมาตรฐานที่ฟอร์ดกำหนดไว้ เราจึงกำหนดกระบวนการทดสอบคุณภาพของสีต่างๆ มากมาย ทั้งการแตกกระเทราะของสี และความทนทานต่อรอยขีดข่วน ไปจนถึงระยะเวลาของความความเงางาม และความสดของสี ว่าคงทนอยู่ได้นานแค่ไหน หนึ่งในการทดสอบเหล่านั้น คือ การทดสอบการหลุดลอกของสี (Mar Resistance) ที่ใช้ตรวจสอบดูว่าสีที่พ่นเพื่อเคลือบผิวรถ (clear top coat) นั้นสามารถรักษาความเงางามได้นานเพียงใด โดยวิศวกรของฟอร์ดจะใช้กระดาษทรายขัดถูที่สีผิวของรถ เพื่อดูความเงางามของสีที่ติดอยู่บนผิวรถ ซึ่งรถที่ผ่านกระบวนการพ่นสีแบบ 3 wet high solid ของฟอร์ด จะสามารถคงความเงางามได้ถึง 96 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่รถที่ผ่านกระบวนการพ่นสีแบบ medium solid จะคงความเงางามได้เพียงแค่ 62 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกล่าวได้ว่า มาตรฐาน เทคโนโลยีการพ่นสีแบบ 3 wet high solid ของฟอร์ด สามารถเพิ่มความเงางามของรถได้ถึง 56 เปอร์เซ็นต์ "เราได้ทำการทดสอบกระบวนการพ่นสีในทุกขั้นตอนอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การชุบสารกันสนิมด้วยกระแสไฟฟ้า (e-coat) การพ่นสีรองพื้น (primer) การพ่นสีจริง (color coat) ไปจนถึงการพ่นสีเพื่อเคลือบผิวรถ (clear top coat) ซึ่งแต่ละขั้นตอนจะมีการกำหนดอุณหภูมิ ความหนาของสี และระยะเวลาในการอบที่ชัดเจน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด" มร. เบอร์ท กล่าว "เมื่อเรามีความเชื่อมั่นในคุณภาพของเทคโนโลยีการพ่นสีที่เรามี เราจะสามารถนำศักยภาพสูงสุดของเทคโนโลยีนี้ออกมาใช้ได้อย่างมั่นใจในโรงงาน ผลิตรถยนต์ของเรา เพื่อสร้างสรรค์ยนตกรรมที่มีสีที่ดี และทนทานที่สุด ให้แก่ลูกค้าของเรา" เทคโนโลยีการพ่นสีแบบ 3 wet ของฟอร์ด ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการส่งมอบรถยนต์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าฟอร์ด นวัตกรรมนี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจว่า สีรถของเขาจะคงคุณภาพสี และความเงางาม ไปอีกหลายปี แต่ยังช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจในความทนทานของสีรถที่จะคงทนตลอดไปในทุกสภาพอุณหภูมิ แม้ในสภาวะอุณหภูมิที่แย่ที่สุดก็ตาม
แท็ก ฟอร์ด   เคมี  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ