แซดทีอีช่วยธุรกิจไทยคว้าโอกาสในยุคเศรษฐกิจดิจิตอล เศรษฐกิจแบบเปิด และเศรษฐกิจแบ่งปัน

ข่าวเทคโนโลยี Wednesday November 30, 2016 15:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--แซดทีอี แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม โซลูชั่นอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่สำหรับองค์กรธุรกิจและผู้บริโภครายใหญ่ของโลก เผยวิสัยทัศน์ระดับโลกสำหรับอนาคตวันนี้ภายในงาน ZTE Towards 2020 Summit ที่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย ด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในตลาดการสื่อสารของไทยที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บวกกับความต้องการนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น แซดทีอีได้เปิดเผยกลยุทธ์เทคโนโลยีสารสนเทศเคลื่อนที่ หรือ Mobile ICT (M-ICT) ใหม่ล่าสุด ภายในงาน ZTE Towards 2020 Summit ซึ่งมุ่งเน้นการเชื่อมต่อโครงข่ายเคลื่อนที่สำหรับทุกสิ่งและคาดว่าจะช่วยพลิกโฉมการดำเนินงานของแซดทีอีและขยายธุรกิจภายใน 5 ปีข้างหน้า ผู้บริหารของแซดทีอีกล่าวถึง 5 เสาหลักของกลยุทธ์ M-ICT ซึ่งประกอบไปด้วย สิ่งเสมือนจริง (Virtuality) ข้อมูลที่เปิดกว้าง (Openness) การเลือกสรรอย่างชาญฉลาด (Intelligence) เข้าถึงข้อมูลง่ายขึ้น (Cloudification) และอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Everything) แซดทีอีเปิดตัวกลยุทธ์ M-ICT พร้อมกันทั่วภูมิภาคเอเชียรวมทั้งประเทศไทยด้วย ภายในงานสัมมนา แซดทีอีจะจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นใหม่ล่าสุด ซึ่งรวมไปถึงหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น 5G วิดีโอขนาดใหญ่ และสมาร์ทโฮม และอื่นๆ อีกมากมาย ก้าวสู่ยุค 5G แซดทีอี จัดแสดงโซลูชั่นยุคก่อน 5G หรือ Pre-5G อาทิ Massive Memo และ Gigabyte Access Solution พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์รุ่นเรือธงแห่งยุค และผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทที่ชนะรางวัล "Best Mobile Technology Breakthrough Award" และ "CTO Choice Award" ที่งาน Mobile World Congress 2016 ในเครือข่ายเพื่อการพาณิชย์ อัตราสูงสุดที่ใช้ในการส่งข้อมูลแบบคลื่นเดียวของเทคโนโลยี Pre-5G Massive MIMO สูงกว่า 400 เมกะบิตต่อวินาที ดังนั้นจึงช่วยเพิ่มความมีประสิทธิภาพของช่วงคลื่นได้มากกว่า 4 ถึง 6 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับเครือข่าย 4G ที่มีในปัจจุบัน เทคโนโลยี Pre-5G Massive MIMO สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องปลายทางบนระบบ 4G ที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ เทคโนโลยีนี้จึงทำให้ผู้ใช้ได้เพลินเพลินไปกับบรอดแบรนด์ความเร็วสูงได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องปลายทาง นอกจากนั้น แซดทีอี ยังได้จัดแสดงโซลูชั่น Gigabyte Access ซึ่งได้สาธิตการออกอากาศสดไปทั่วโลกครั้งแรกที่ประเทศมาเลเซีย ด้วยการผสมผสานทางเทคนิคระหว่าง FDD 5CC (รวมสเปกตรัม 100 เมกะเฮิร์ซ) และ 4*4 MIMO รวมไปถึง 256QAM modulation ความเร็วสูงสุดของเซลล์เดี่ยวคงที่อยู่ที่ 1.75 กิกะบิตต่อวินาที การรับชมวีดีโอขนาดใหญ่ที่ดีที่สุด แซดทีอี ไฮไลท์โซลูชั่นการรับชมวีดีโอขนาดใหญ่ความคมชัดระดับ 4K+ หรือ Big Video 4K+ Solution ซึ่งมอบการทำงานและการดูแลรักษาแบบอัจฉริยะบนพื้นฐานของแพลตฟอร์มบิ๊กดาต้า ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากข้อมูลจำนวนมาก การจัดการ และความสามารถในการปรับขนาดข้อมูลอันแข็งแกร่ง โซลูชั่นนี้จึงมอบช่องทางการจัดการด้านการบำรุงรักษาแบบออนไลน์ซึ่งมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนให้แก่ลูกค้า รวมไปถึงการระบุตำแหน่งข้อผิดพลาดอย่างชาญฉลาดจากปลายทางสู่ปลายทางเพื่อยกระดับประสบการณ์การรับชมวีดีโอของผู้ใช้เครื่องปลายทาง นอกจากนั้น แพลตฟอร์มการทำงานอัจฉริยะยังสนับสนุนการตลาดที่แม่นยำ การโฆษณาเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย การจัดผังรายการทีวีซึ่งปรับให้เข้ากับผู้รับชมแต่ละคน รวมไปถึงมอบการสนับสนุนด้านข้อมูลสำหรับบริการด้านนวัตกรรมดิจิทัลต่างๆ ให้แก่หลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ การศึกษา และการท่องเที่ยว การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้ในหลากหลายมิติบนพื้นฐานของบิ๊กดาต้า และการสร้างแบบความสามารถของข้อมูลยังมอบตัวอย่างอ้างอิงให้แก่ผู้ใช้เมื่อต้องทำการตัดสินที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน สร้างอนาคตแห่งเครือข่ายขึ้นใหม่ แซดทีอีโชว์ผลงาน โซลูชั่นเครือข่าย ElasticNet 3.0 ที่มีความยืดหยุ่น พร้อมเผยมุมมองในเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างเครือข่ายที่มุ่งเน้นอนาคตของแอปพลิชั่นสุดยิ่งใหญ่ของบริษัทซึ่งได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในกลุ่มอุตสาหกรรมไอที ภายในโซลูชั่นเครือข่าย ElasticNet 3.0 แซดทีอีแสดงให้เห็นถึงมุมมองของสถาปัตยกรรมระบบเครือข่ายในอนาคต ที่เรียกได้ว่าจะ 'ถูกรวมเป็นหนึ่งเดียว (one-centre) ขับเคลื่อนด้วยระบบเครื่องคู่ (Dual Engines) และ ปรับโครงสร้างสามชั้น (Triple-layer re-architecture)' ทั้งระบบเครือข่ายจะถูกออกแบบใหม่เพื่อรองรับระบบข้อมูลจำลองบนคลาวด์ และอำนวยความสะดวกด้วยความได้เปรียบทางเทคโนโลยีของการบริหารจัดการเครือข่ายในระดับซอฟต์แวร์ (SDN) และโซลูชั่นบนเครือสร้างของระบบโดยการสร้างโลกเสมือน (NFV) ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการจำกัดความใหม่ของสถาปัตยกรรมเครือข่ายโทรคมนาคมแบบคลาวด์ สร้างความสำเร็จให้แก่การปรับชั้นโครงสร้างของชั้นเครือข่าย ขั้นตรรกะทางธุรกิจ และขั้นการทำงานที่ประสานเป็นหนึ่งเดียว หรือรวมเรียกว่า Triple-layer re-architecture สมาร์ทโฮม เนื่องจากผู้ให้บริการหลายๆ เจ้าเล็งเห็นแนวโน้มการขยายตัวทางตลาดของนวัตกรรมสมาร์ทโฮม ซึ่งทำให้ระบบดังกล่าวจะได้รับการยอมรับในฐานะจุดเพิ่มมูลค่าในอนาคตอันใกล้นี้ แซดทีอีนำเสนอโซลูชั่นสมาร์ทโฮม ซึ่งรวมถึงการเฝ้าดูแลบ้าน ความปลอดภัยภายในบ้าน ความสะดวกสบายในที่พักอาศัย พลังงานในบ้าน และอื่นๆ พร้อมทั้งสาธิตวิธีการใช้งาน ZTE Smart Home APP ให้กับผู้เข้าร่วมชมนิทรรศการ ซึ่งแอปพลิเคชั่นดังกล่าวสามารถควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะจากทางไกลที่แซดทีอีเชื่อมั่นว่าจะสามารถดึงความสนใจจากผู้บริโภคได้อย่างล้นหลาม เพราะโซลูชั่นดังกล่าวนอกจากจะเปลี่ยนคำนิยามของสมาร์ทโฮมในแบบเดิมๆ ด้วยการเชื่อมต่อทุกตารางเมตรภายในบ้านผ่านแอปพลิเคชั่นเดียวแล้วนั้น สมาร์ทโฮมยังถือเป็นโซลูชั่นสำเร็จรูปที่ผู้ให้บริการในประเทศไทยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ การเชื่อมต่อกันในทุกสิ่ง หนึ่งในผู้ให้บริการการใช้ที่งานมากที่สุดใน Narrow-Band Internet of Things หรือ NB-IoT แซดทีอีเปิดตัวความสำเร็จล่าสุดในนวัตกรรมใหม่ โซลูชัน NB-IoT แบบปลายทางถึงปลายทาง (end-to-end) รวมถึงการใช้งานในการดูแลสุขภาพและสมาร์ทโฮม โปรแกรมสิ่งแวดล้อม (OAE) และกรณีการทดสอบภาคสนาม คาดการณ์ว่าจำนวนของการเชื่อมต่อ IoT ในระดับโลกจะมีมากถึง 5 หมื่นล้าน ในปีพ.ศ. 2563 และเติร์ด เจนเนอเรชั่น โปรเจค (3GPP) ได้มีการแช่แข็งมาตรฐาน NB-IoT ในเดือนมิถุนายนพ.ศ.2559 NB-IoT จึงกลายเป็นแนวโน้มที่สำคัญและทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการโทรคมนาคมเพื่อเปิดตลาดบลูโอเชียน หรือตลาดที่มีศักยภาพสูงแต่ยังคงมีการแข่งขันต่ำ สำหรับแผนในอนาคตข้างหน้า แซดทีอีวางแผนที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมสามารถส่งมอบเซลลูลาร์ IoT ที่แพร่หลายอย่างครอบคลุมภายในปีพ.ศ. 2563 ซึ่งจะช่วยขยายความเป็นไปได้ของอุตสาหกรรมการสื่อสาร ขยายความสำเร็จสู่ตลาดสมาร์ทโฟน จากความสำเร็จในธุรกิจการติดต่อสื่อสารโทรคมนาคม เทคโนโลยีโซลูชั่นสำหรับผู้บริโภคและองค์กร แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น ได้ขยายธุรกิจไปยังตลาดมาร์ทโฟน โดยเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง แอ็กซอน เซเว่น (ZTE Axon 7) เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาในประเทศไทย โดยมี มาริโอ้ เมาเร่อ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรก ภายใต้ความร่วมมือกับ ดอลบี แอทมอส (Dolby Atmos) แอ็กซอน เซเว่น ได้รับรางวัล 2016 IFA ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมเฉพาะทาง ในสาขา "นวัตกรรมด้านเสียงในโทรศัพท์สมาร์ทโฟน" โดยองค์กรอุตสาหกรรมและการพาณิชย์เยอรมนี (IDG) แซดทีอีได้สร้างสมาร์ทโฟนที่มีคุณสมบัติระดับพรีเมี่ยมในราคาที่จับต้องได้ มร. จาง เจี่ยน เพง รองประธานกรรมการ แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "แซดทีอีเชื่อว่ากลยุทธ์ M-ICT จะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกที่กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและก่อให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางในอนาคตใหม่ และแน่นอนว่าจะนำโอกาสอันมหาศาลมาสู่ภาคอุตสาหกรรมแน่นอน ในส่วนของเราแซดทีอีได้วางแผนไว้แล้วสำหรับกลยุทธ์ในการพัฒนาด้านต่างๆ ที่สำคัญเราต้องการสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าและคู่ค้าของเราเพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ดีกว่า และช่วยให้ธุรกิจไทยคว้าโอกาสในยุคเศรษฐกิจดิจิตอล เศรษฐกิจแบบเปิด และเศรษฐกิจแบ่งปัน"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ