ICN ผู้เชี่ยวชาญงานรับเหมาวางระบบสื่อสารโทรคมนาคม ระดมทุนต่อยอดธุรกิจ ตั้ง ฟินันเซีย ไซรัส เป็น Lead Underwrite คาดเทรด mai Q3 ปีนี้

ข่าวเทคโนโลยี Monday August 21, 2017 11:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--IR PLUS บมจ. อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส หรือ ICN หนึ่งในผู้ให้บริการรับเหมาวางระบบสื่อสารโทรคมนาคม รวมทั้งงานก่อสร้างและวางระบบไฟฟ้า ครอบคลุมการให้บริการบำรุงรักษา และเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์โทรคมนาคม โดยใช้ผลิตภัณฑ์จากพันธมิตรทางการค้าซึ่งเป็นผู้ผลิตชั้นนำของโลก พร้อมเสนอขายหุ้นไอพีโอ 120 ล้านหุ้น หลัง ก.ล.ต. นับหนึ่งแบบไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว เดินหน้าตามแผนคาดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยเงินระดมทุนใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับงานโครงการขนาดใหญ่ สร้างการเติบโตธุรกิจอย่างโดดเด่นในอนาคต โชว์งบครึ่งปีแรกรายได้รวม 377.49 ล้านบาท โต 115% กำไรสุทธิ 23.63 ล้านบาท พุ่ง 318% จากงวดเดียวกันของปีก่อน นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ของบริษัท อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส จำกัด (มหาชน) หรือ ICN กล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของ ICN เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2560 และคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดเทคโนโลยี ภายในไตรมาส3 ปีนี้ โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.67 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้น โดยเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป จำนวน 108 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อคณะกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 12 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ปัจจุบัน ICN มีทุนจดทะเบียน 225 ล้านบาท มีทุนเรียกชำระแล้ว 165 ล้านบาท ICN บริหารงานโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสารโทรคมนาคมที่มีประสบการณ์มากกว่า 25 ปี เป็นพันธมิตรกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ชั้นนำของโลก ทั้ง Nokia Alcatel-Lucent, Huawei, Coriant, Oscilloquartz และ Gemalto และมีความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าไม่ว่าจะเป็น บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรูคอร์ปปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งถือเป็นจุดแข็งสำคัญทำให้ ICN ประสบความสำเร็จในการบริหารงานโครงการต่างๆ ภายหลังการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรับงานและการแข่งขัน พร้อมรุกธุรกิจให้บริการรับเหมาวางระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มเติม ซึ่งเป็นธุรกิจที่ ICN มีความเชี่ยวชาญสูงอยู่แล้ว รวมทั้งผลักดันให้ผลประกอบการของ ICN เติบโตอย่างโดดเด่น ด้านนายมนชัย มณีไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส จำกัด (มหาชน) หรือ ICN ผู้ให้บริการรับเหมาวางระบบ, จำหน่ายอุปกรณ์และบำรุงรักษาเปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และรุกตลาดธุรกิจรับเหมาวางระบบอย่างครบวงจร ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยเงินทุนหมุนเวียนเพื่อสร้างโอกาสในการรับงานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ทั้งต่อสถาบันการเงิน คู่ค้าธุรกิจซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก รวมทั้งลูกค้าทั้งภาครัฐ และเอกชน "ธุรกิจการให้บริการวางระบบสื่อสารโทรคมนาคมเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง จากนโยบายการลงทุนของภาครัฐบาลและเอกชน ให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนารากฐานระบบสื่อสารและเทคโนโลยีของประเทศ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 จึงคาดว่าในช่วงต่อจากนี้จะมีการลงทุนงานโครงการขนาดใหญ่จำนวนมากเกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทฯ ในการรับงานโครงการต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเช่นกัน บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจ เดินหน้าตามแผนการเข้าระดมทุนที่คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ในไตรมาส3 ปีนี้ โดยมี บล. ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการเสริมศักยภาพบริษัทฯ ให้แข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในหุ้น Growth Stock ที่โดดเด่น สนับสนุนผลประกอบการของ ICN ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า" นายมนชัยกล่าว นายมนชัย กล่าวเพิ่มเติมถึง ทิศทางผลประกอบการของบริษัทฯ ปี 2560 คาดว่าจะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2559 เนื่องจากการรับรู้รายได้จากงานที่อยู่ในมือ (Backlog) รวมถึงลูกค้าที่กลับมาลงทุนมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และการขยายฐานลูกค้าทั้งหน่วยงานราชการ และองค์กรเอกชนมากขึ้น โดยในปี 2557 – 2559 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 243.49 ล้านบาท, 678.63 ล้านบาท และ 570.96 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2557 – 2559 อยู่ที่ 0.33 ล้านบาท 5.47 ล้านบาท และ 27.11 ล้านบาทตามลำดับ ผลประกอบงวดครึ่งปีแรกของปี 2560 (ม.ค.-มิ.ย.2560) บริษัทฯมีรายได้รวม 377.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 115.02 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 175.56 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิงวดครึ่งปีแรกอยู่ที่ 23.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 318.23 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิร้อยละ 5.65 สำหรับสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจรับเหมาวางระบบอยู่ที่ร้อยละ 42.44 และรายได้จากธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์และบำรุงรักษาร้อยละ 57.37 ของรายได้รวม ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ ณ สิ้นปี 2559 บริษัทฯ มีงานที่ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าและยังไม่ได้จัดส่งให้ลูกค้าจำนวน 431.70 ล้านบาทคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ส่วนใหญ่กว่า 90% ในปีนี้ และอยู่ระหว่างเดินหน้าประมูลงานใหม่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ