NDR ส่งซิกครึ่งปีหลังผลงานโตแรง อานิสงส์ต้นทุนวัตถุดิบลง เดินหน้าบุกตลาดในประเทศเต็มสูบ

ข่าวยานยนต์ Tuesday August 22, 2017 13:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--IR network NDR ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยางในและยางนอกรถจักรยานยนต์ ส่งซิกครึ่งปีหลังผลประกอบการดีกว่าครึ่งปีแรก หลังต้นทุนวัตถุดิบลง บุกตลาดในประเทศเต็มสูบ เตรียมเพิ่มขนาด-ลายดอกยางครอบคลุมรถรุ่นใหม่ๆ รองรับดีมานด์ผู้บริโภค พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด กระตุ้นยอดขาย ดันรายได้ปีนี้โตต่อเนื่อง ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้ 423.05 ลบ.และมีกำไรสุทธิ 16.13 ลบ. นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NDR) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 2560 ว่า บริษัทฯจะมุ่งเน้นการขยายตลาดยางรถจักรยานยนต์ทดแทน (REM)ภายในประเทศ โดยการเพิ่มขนาดและลายดอกยางเพื่อให้ครอบคลุมรถรุ่นใหม่ๆ รองรับความต้องการของผู้บริโภค ส่วนตลาดต่างประเทศที่ประเทศอินเดีย ปัจจุบันคำสั่งซื้อเริ่มกลับมาแล้ว แต่ยังไม่เต็มที่เท่ากับปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดมาเลเซียคาดทรงตัวจากปีก่อน โดยตั้งเป้าปีนี้สัดส่วนรายได้จากในประเทศและต่างประเทศจะอยู่ที่ 60:40 จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 50 : 50 "แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะมีกำไรดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากแนวโน้มต้นทุนการผลิตในครึ่งปีหลังคาดว่าจะต่ำลง ขณะเดียวกันยังมีการจัดกิจกรรมการตลาด กระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าจะทำให้ยอดขายตลาด REM ของเราเติบโตขึ้นในระยะยาว และคาดว่าจะทำให้แนวโน้มรายได้ปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายชัยสิทธิ์ กล่าวในที่สุด นายชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ของปี 2560 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560) บริษัทฯมีรายได้รวม 423.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.30 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 417.64 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 16.13 ล้านบาท ลดลง 28.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22.52 ล้านบาท สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้รายได้และกำไรของบริษัทฯ ปรับตัวลดลงเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตปรับตัวสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ดีแนวโน้มราคาวัตถุดิบในครึ่งปีหลังจะต่ำกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 2/2560 มีรายได้รวม 204.10ล้านบาท ลดลง 6.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 218.95 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3.50 ล้านบาท ลดลง 80.43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.88 ล้านบาท ทั้งนี้หากดูผลประกอบการเฉพาะไตรมาส 2 จะเห็นว่ากำไรสุทธิลดลงอย่างมาก ทั้งนี้นอกจากเหตุผลด้านราคาวัตถุดิบที่สูงแล้ว ยังมีผลมาจากที่ไตรมาส 2/2559 มีรายได้ที่สูงเนื่องจากผลกระทบเรื่องภาษีของประเทศมาเลเซียในไตรมาส 1/2559 จึงทำให้รายได้และผลกำไรในไตรมาส 2/2559 สูงกว่าค่าเฉลี่ย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ