พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 05 กุมภาพันธ์ 2559 - 11 กุมภาพันธ์ 2559

ข่าวทั่วไป Friday February 5, 2016 13:56 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 05 กุมภาพันธ์ 2559 - 11 กุมภาพันธ์ 2559

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 5-6 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-16 องศา เซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 7-11 ก.พ. อากาศหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 2-8 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 7-11 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง ทำให้มีอากาศหนาวกับมีลมแรง เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

*ในช่วงที่อุณหภูมิลดลง จะทำให้อุณหภูมิน้ำลดต่ำลง ซึ่งจะ ทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรให้อาหารในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อป้องกันอาหารเหลืออาจทำให้น้ำเน่าเสีย รวมทั้งควรเปิดเครื่องตีน้ำให้บ่อยขึ้นเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำและควบคุมอุณหภูมิน้ำไม่ให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

  • ในช่วงวันที่ 5-6 ก.พ. อุณหภูมิสูงขึ้นจะมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรไม่ควรตากทิ้งไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ ส่วน ผู้ที่ปลูกพืชไร่และผักชนิดต่างๆ ควรระวังและป้องกันโรคราน้ำค้าง ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 6-9 ก.พ. อากาศหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-8 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 10-11 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 6-9 ก.พ. จะมีอากาศหนาวกับมีลมแรง เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมและเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ในช่วงวันที่ 10-11 ก.พ. อุณหภูมิสูงขึ้นและจะมีหมอกในบางพื้นที่ ผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรไม่ควรตากทิ้งไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ ส่วนผู้ที่ปลูกพืชไร่และผักชนิดต่างๆ ควรระวังและป้องกันโรคราน้ำค้าง ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 6-9 ก.พ. อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-29 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 10-11 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 6-9 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง ทำให้มีอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมภายในโรงเรือนโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ในช่วงวันที่ 10-11 ก.พ. อุณหภูมิสูงขึ้นจะมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรไม่ควรตากทิ้งไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้
  • ส่วนผู้ที่ปลูกพืชไร่และผักชนิดต่างๆ ควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมและคลุมโคนต้นด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยน้ำจากดิน นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนชนิดต่างๆ เช่น หนอนใยผัก ซึ่งจะกัดกินทำให้ต้นพืชเสียหาย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 6-9 ก.พ. อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 10-11 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

  • ในช่วงวันที่ 6-9 ก.พ. จะมีอากาศเย็นกับมีลมแรง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมและเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ในช่วงวันที่ 6-9 ก.พ. อุณหภูมิลดลง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรเปิดเครื่องตีน้ำให้บ่อยขึ้นเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำและควบคุมอุณหภูมิน้ำไม่ให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว รวมทั้งลดอาหารลงในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อป้องกันอาหารเหลือซึ่งจะทำให้น้ำเน่าเสีย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 5-8 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และฝนหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตรส่วนในช่วงวันที่ 9-11 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

*ระยะนี้ทางตอนบนของภาคใต้ฝั่งตะวันออกอุณหภูมิจะลดลง ทำให้มีอากาศเย็นกับมีลมแรง เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนทางตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปเกษตกรควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดจากสภาวะฝนตกหนักและคลื่นลมแรงโดยเฉพาะผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่ง

  • อนึ่ง ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง ทะเลมีคลื่นประมาณสูง 2-4 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ ส่วนเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 5-8 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 9-11 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นประมาณ 1 เมตร

  • ระยะนี้จะมีฝนตกน้อย สำหรับไม้ผลไม้ยืนต้นที่ยังเล็กและพืชผักชนิดต่างๆเกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมและคลุมโคนต้นพืชเพื่อลดการระเหยของน้ำจากดิน รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวก ปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโตและแคระแกร็น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ