พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 24 กุมภาพันธ์ 2560 - 02 มีนาคม 2560

ข่าวทั่วไป Friday February 24, 2017 15:00 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 24 กุมภาพันธ์ 2560 - 02 มีนาคม 2560

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 24-26ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 13-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม. /ชม. ในช่วงวันที่ 27 ก.พ.- 2 มี.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า โดยทางตอนบนของภาค อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ส่วนทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 12-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

  • พื้นที่การเกษตร ระยะนี้แม้จะมีฝนแต่ปริมาณน้อย สภาพอากาศแห้งและอุณหภูมิแตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน มีการสูญเสียน้ำจากดินและพืชได้มาก ดังนั้นเกษตรกรที่ปลูกพืชที่มีระบบรากตื้น เช่น พืชผัก ไม้ดอก และพืชไร่ ควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่ปลูกและคลุมแปลงปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยน้ำจากดิน
  • ไม้ผล ระยะนี้มีฝนแต่ปริมาณน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำของไม้ผล ประกอบสภาพอากาศแห้งและในบางพื้นที่อุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส ไม้ผล เช่น ลิ้นจี่และลำไย ซึ่งอยู่ในระยะผลอ่อนควรดูแลให้น้ำสม่ำเสมอและเพียงพอ เพื่อป้องกันผลอ่อนแคระแกร็นและร่วงหล่น รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดไว้ด้วย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 24-25 ก.พ. อากาศเย็น โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 26 ก.พ.-2 มี.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • สัตว์น้ำ ในช่วงวันที่ 26 ก.พ.-2 มี.ค. จะมีอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรควบคุมปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับปริมาณสัตว์เลี้ยง และในช่วงที่อุณหภูมิลดต่ำลงอาจทำให้สัตว์น้ำ กินอาหารได้น้อย จึงควรลดปริมาณอาหารที่ให้ตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันอาหารเหลือ ซึ่งจะทำให้น้ำเน่าเสีย และควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อเพิ่มออกซิเจนและปรับอุณหภูมิน้ำ
  • พื้นที่การเกษตร ระยะนี้แม้จะมีฝนแต่ปริมาณน้อย สภาพอากาศแห้งและอุณหภูมิจะแตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน ทำให้มีการสูญเสียน้ำจากดินและพืชได้มาก ดังนั้นเกษตรกรที่ปลูกพืชที่มีระบบรากตื้น เช่น พืชผัก ไม้ดอก และพืชไร่ ควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่ปลูกและคลุมแปลงปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยน้ำจากดิน

ภาคกลาง

ในวันที่ 24-26 ก.พ. อากาศเย็น โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 27 ก.พ.– 2 มี.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 24-26 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรเตรียมป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ส่วนฝนที่ตกมีปริมาณน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติม เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโตทำให้ผลผลิตลดลง รวมทั้งคลุมบริเวณแปลงปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อป้องกันน้ำระเหยออกจากหน้าดิน และรักษาความชื้นภายในดิน
  • ข้าว ระยะนี้สภาพอากาศแห้งและในบางพื้นที่อุณหภูมิในตอนกลางวันสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส สำหรับข้าวที่กำลังเจริญเติบโต ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น แมลงบั่ว โดยจะทำลายยอดข้าวที่กำลังเจริญเติบโต ทำให้ผลผลิตลดลง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 24-26 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ในช่วงวันที่ 27 ก.พ. - 2 มี.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • ผลผลิตการเกษตร ในช่วงวันที่ 24-26 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังความเสียหายกับพืชผลทางการเกษตร และหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตร และผลผลิตจากทะเลไว้กลางแจ้งเพราะจะทำให้เปียกชื้นเสียหายได้
  • ไม้ผลระยะนี้มีฝนแต่ปริมาณน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำของไม้ผล ประกอบกับมีสภาพอากาศแห้งและในบางพื้นที่อุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส ไม้ผล เช่น เงาะ ทุเรียน และมังคุด ซึ่งอยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำสม่ำเสมอและเพียงพอ เพื่อป้องกันผลแคระแกร็นและร่วงหล่น รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดไว้ด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 24-25 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 26 ก.พ. -2 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะวันที่ 26-27 ก.พ. ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร ทางตอนบนของภาคแม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณน้อยประกอบกับมีการคายน้ำจากดินและพืชมาก ทำให้ปริมาณน้ำที่เหลือไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโต ส่วนทางตอนกลางและตอนล่างของภาคจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 26 ก.พ. – 2 มี.ค. ซึ่งจะเป็นผลดีต่อพืชที่ขาดน้ำในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้เกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงที่มีฝนตกน้อย
  • ประมงชายฝั่ง ในช่วงวันที่ 26 ก.พ. -2 มี.ค. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 24-25 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 26 ก.พ. – 2 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร ทางตอนบนของภาคแม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณน้อยประกอบกับมีการคายน้ำจากดินและพืชมาก ทำให้ปริมาณน้ำที่เหลือไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโต ส่วนทางตอนกลางและตอนล่างของภาคจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 26 ก.พ. – 2 มี.ค. ซึ่งจะเป็นผลดีต่อพืชที่ขาดน้ำในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้เกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงที่มีฝนตกน้อย
  • ประมงชายฝั่ง ในช่วงวันที่ 26 ก.พ. -2 มี.ค. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ