พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 18 - 24 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ข่าวทั่วไป Monday December 18, 2017 15:44 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 18-24 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ออกประกาศวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2560

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 151/60

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 18-21 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นลง อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง ส่วนในช่วงวันที่ 22-24 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณภูมิสูงขึ้นแต่ยังคงมีอากาศหนาวเย็น สำหรับภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง2-4 เมตร ตลอดช่วง

คำเตือน ในระยะนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเอง และดูแลรักษาสุขภาพ ให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ในบางช่วงอาจมีลมแรง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยไว้ด้วย สำหรับในช่วงวันที่18-24 ธ.ค. บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นลมแรง เกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากคลื่นลมแรงซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 18-22 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง3-5 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 23-24 ธ.ค. อุณภูมิจะสูงขึ้นแต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำ สุด3-7 องศาเซลเซียส กับมีน้ำ ค้างแข็งบางพื้นที่ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในระยะนี้จะมีอากาศหนาวเย็นและมีลมแรง เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่ายนอกจากนี้ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่กลางแจ้งในตอนกลางคืน เพราะจะทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้
  • สำหรับบริเวณยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าวที่จะเกิดกับพืชผลทางด้านการเกษตร

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 19-22 ธ.ค. อากาศหนาว อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 8-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม. /ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 23-24 ธ.ค.อุณภูมิจะสูงขึ้นแต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำ สุด 6-12 องศาเซลเซียสลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงนี้จะมีอากาศหนาวเย็นและมีลมแรง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวให้กับสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน ทำให้สัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่กลางแจ้งในตอนกลางคืน เพราะจะทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในช่วงที่อากาศเย็น สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยลงทำให้สัตว์น้ำเจริญเติบโตช้า และอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย เกษตรกรควรลดปริมาณอาหารลง

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 19-22 ธ.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 23-24 ธ.ค. อุณภูมิจะสูงขึ้นแต่ยังคงมีอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในระยะนี้จะมีอากาศเย็นและมีลมแรงโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค ทำให้น้ำระเหยได้ดี เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืช และโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบไม้ และหญ้าแห้ง เป็นต้นเพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน และรักษาอุณหภูมิดิน
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวให้กับสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน ทำให้สัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่กลางแจ้งในตอนกลางคืน เพราะจะทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 19-22 ธ.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำ สุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียสลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 23-24 ธ.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงนี้จะมีอากาศเย็นและมีลมแรงโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวให้กับสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน ทำให้สัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่ายและไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่กลางแจ้งในตอนกลางคืน เพราะจะทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในช่วงที่อากาศเย็น สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยลงทำให้สัตว์น้ำเจริญเติบโตช้า และอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย เกษตรกรควรลดปริมาณอาหารลง

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 18 และ 22-24 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 19-21 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-34 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 18-21 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ20-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 22-24 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงวันที่ 22-24 ธ.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว สำหรับพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมา หากระดับน้ำลดลงแล้วเกษตรกรควรรีบฟื้นฟูให้ใช้ได้ดีดังเดิม
  • สำหรับทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ในพืชไร่ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ
  • ในช่วงวันที่ 18-24 ธ.ค. บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นลมแรงโดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตรเกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งของภาคใต้ฝั่งตะวันออกควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากคลื่นลมแรงซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำใน 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 18-24 ธ.ค. 2560

ปริมาณฝนสะสมเดือนธันวาคม (ในช่วงวันที่ 1-17 ธ.ค.) บริเวณภาคเหนือตอนบนและภาคกลางตอนล่างมีปริมาณฝนสะสม 5-50 มม. สำหรับภาคใต้ส่วนมากมีปริมาณฝนสะสม 50-400 มม. โดยภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 200-400 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีปริมาณฝนสะสมน้อยกว่า10 มม. ส่วนบริเวณกรุงเทพฯและปริมณฑลมีปริมาณฝนสะสม 5-25 มม. สำหรับภาคใต้ส่วนมากมีปริมาณฝนสะสม 1-100 มม.โดยภาคใต้ตอนล่างมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 25-100 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำ สะสม บริเวณประเทศไทยส่วนมากมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำ สะสม 15-30 มม. โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างด้านตะวันออก ภาคกลางด้านตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมมากกว่าบริเวณอื่นๆ

สมดุลน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำสะสม (-1)-(-30) มม. เว้นแต่ภาคใต้ตอนล่างฝั่งตะวันออก มีค่าสมดุลน้ำสะสม 1-70 มม.

คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณและการกระจายของฝนน้อย ส่วนในช่วง 7 วันข้างหน้าประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิลดลงและมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้ เกษตรกรควรควรจัดระบบระบายน้ำบริเวณแปลงปลูกพืชให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักชนิดต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้พืชผลเสียหาย และผลผลิตด้อยคุณภาพ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ