ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท “บ. เหมราชพัฒนาที่ดิน” ที่ระดับ “A-/Stable”

ข่าวทั่วไป Monday January 7, 2013 17:01 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาทของ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปชำระหนี้เดิมและลงทุนขยายธุรกิจตามแผน ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลงานในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นที่ยอมรับและรายได้ประจำจากบริการสาธารณูปโภคที่เติบโตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติที่ผันผวนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิตของบริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมต่อไปได้ โดยสัดส่วนรายได้ประจำที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบริการสาธารณูปโภค ธุรกิจไฟฟ้า และค่าเช่าโรงงานอุตสาหกรรมจะช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงานให้แก่บริษัทท่ามกลางความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

เหมราชพัฒนาที่ดินเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2531 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2535 ณ เดือนสิงหาคม 2555 กลุ่มตระกูลหอรุ่งเรืองถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 15.0% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด นอกจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมและการให้บริการสาธารณูปโภคแล้ว บริษัทยังพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหรูในใจกลางกรุงเทพฯ ด้วย ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท ซึ่งรวมถึงคอนโดมิเนียมคิดเป็นสัดส่วน 60%-70% ของรายได้รวม ยกเว้นในปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่ความต้องการที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหดตัวจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ส่วนรายได้ที่เหลือ 30%-40% เป็นรายได้ประจำซึ่งส่วนใหญ่มาจากบริการสาธารณูปโภคและค่าเช่าโรงงาน

บริษัทเป็นเจ้าของและบริหารนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่งซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ชลบุรี และสระบุรี ด้วยพื้นที่รวมทั้งหมด 33,535 ไร่ โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 บริษัทมีจำนวนลูกค้าทั้งสิ้น 804 ราย ซึ่ง 34% เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และ 10% เป็นลูกค้าในกลุ่มปิโตรเคมี ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 บริษัทมีพื้นที่เหลือขาย 6,058 ไร่ โดยประมาณ 28% อยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (H-ESIE) ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้เป็นประวัติการณ์ โดยบริษัทขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้ถึง 1,952 ไร่ เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 1,670 ไร่ในปี 2554 ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการขยายตัวของกิจกรรมการผลิตโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ รายงานของ CB Richard Ellis ระบุว่ายอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 3,675 ไร่ในครึ่งแรกของปี 2555 เพิ่มขึ้น 56.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกเหนือจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตแล้ว ยอดขายที่ดีดังกล่าวของบริษัทยังเป็นผลมาจากการย้ายโรงงานของบริษัทหลายแห่งหลังจากนิคมอุตสาหกรรมในภาคกลางของประเทศประสบกับปัญหาอุทกภัยในปลายปี 2554

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงแข็งแกร่งและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจหลักของบริษัทมีการเติบโตในทุกกลุ่ม รายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เพิ่มขึ้น 219.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 2,942 ล้านบาท รายได้ประจำจากการขายสาธารณูปโภคและค่าเช่าก็เติบโตเช่นกันในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 โดยเติบโต 22.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้รายได้รวมของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เติบโต 78.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 4,637 ล้านบาท อัตรากำไรจากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น โดยเพิ่มขึ้นเป็น 34.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เทียบกับ 28.1% ใน 9 เดือนแรกของปี 2554 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 จึงปรับตัวเพิ่มขึ้น 209.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 2,293 ล้านบาท

รายได้ประจำของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง รายได้จากการขายสาธารณูปโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน ประมาณ 68% ของรายได้ประจำในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เพิ่มขึ้น 17.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 1,033 ล้านบาท ปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตคือความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจและลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นในนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจโรงงานให้เช่าก็เติบโตดีเช่นกัน โดยพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น 50,017 ตารางเมตรในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เติบโตในอัตรา 31% จากพื้นที่เช่าในช่วงสิ้นปี 2554 รายได้ประจำของบริษัทยิ่งแข็งแรงขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 เมื่อบริษัท เก็คโค่-วัน จำกัด (บริษัทถือหุ้น 35%) ซึ่งดำเนินการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 660 เมกะวัตต์ เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2555 บริษัทนี้ให้กำไรตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 132 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน) ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2555

โครงสร้างทุนของบริษัทมีการใช้เงินกู้อยู่ในระดับปานกลาง โดยมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างทุนอยู่ที่ 50.5% ณ เดือนกันยายน 2555 เมื่อเทียบกับ 48.0% เมื่อเดือนธันวาคม 2554 ในอนาคตคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีแผนลงทุนจำนวนมาก บริษัทมีงบลงทุนรวม 15,000 ล้านบาทในระหว่างปี 2555-2556 ซึ่งประกอบด้วย การขยายธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการสาธารณูปโภค การลงทุนต่อเนื่องในโครงการเก็คโค่-วัน รวมถึงการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าในโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Power Producer -- SPP) แม้ว่าภาระหนี้จะเพิ่มสูงขึ้นแต่บริษัทจะมีกระแสเงินสดจากการขายที่ดินที่รอส่งมอบจำนวนมากและจะได้รับเงินปันผลจากบริษัท เก็คโค่-วัน คาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 1,500-2,000 ล้านบาทต่อปีในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เทียบกับปกติที่ผ่านมาบริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานปีละ 500-1,200 ล้านบาท อย่างไรก็ตามทริสเรทติ้งคาดว่าในระยะปานกลางถึงระยะยาวบริษัทจะยังคงรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ระดับประมาณ 50% ตามนโยบายของบริษัทในขณะที่มีการดำเนินการตามแผนขยายธุรกิจ

บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (Hemraj)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                      A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
HEMRAJ16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559	          A-
HEMRAJ217A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564	          A-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2566	   A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                    Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ