ธนาคารธนชาตเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือหุ้นธนาคารในสัดส่วน 50.96% ธนาคารมีขนาดสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 6 ของธนาคารพาณิชย์ไทย โดย ณ เดือนมิถุนายน 2557 มีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 7.6% และเงินรับฝาก 6.9% พอร์ตสินเชื่อของธนาคารมีการกระจายตัวในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้นภายหลังการซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2553 ทั้งนี้ พอร์ตสินเชื่อ ณ เดือนมิถุนายน 2557 ประกอบด้วยสินเชื่อรายย่อยในสัดส่วน 68% ของสินเชื่อรวม สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ 20% สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 10% และสินเชื่ออื่นอีก 2% ธนาคารเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาด ณ สิ้นปี 2556 ประมาณ 24% และมีสินเชื่อเช่าซื้อ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 ทั้งสิ้น 431.6 พันล้านบาท คิดเป็น 55% ของสินเชื่อรวม
ธนาคารมีความเสี่ยงด้านเครดิตเพิ่มขึ้นจากการให้ความสำคัญมากขึ้นกับสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ให้ผลตอบแทนสูงเพื่อเพิ่มส่วนต่างดอกเบี้ยให้สูงขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ขยายสินเชื่อมากถึง 19% ในปี 2555 อย่างไรก็ตาม ธนาคารอนุมัติสินเชื่อใหม่ด้วยความระมัดระวังยิ่งขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและยอดขายรถยนต์ที่ซบเซา ซึ่งส่งผลให้สินเชื่อขยายตัวเพียง 5% ในปี 2556 ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 ธนาคารมีสินเชื่อรวมดอกเบี้ยค้างรับจำนวน 782.7 พันล้านบาท ลดลง 0.1% จากปี 2556
สถานะทางเครดิตของธนาคารลดทอนลงจากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (สินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน สินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) ที่มีอยู่ในระดับสูงซึ่งส่วนหนึ่งเป็นสินเชื่อที่รับโอนมาจากธนาคารนครหลวงไทย คุณภาพสินเชื่อของธนาคารเสื่อมถอยลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำลง โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจาก 32.5 พันล้านบาทในปี 2555 เป็น 35.3 พันล้านบาทในปี 2556 และ 36.0 พันล้านบาทในเดือนมิถุนายน 2557 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมในเดือนมิถุนายน 2557 เท่ากับ 4.6% เทียบกับ 4.3% ในปี 2555 ธนาคารได้เพิ่มปริมาณสำรองหนี้สงสัยจะสูญในปี 2556 อย่างไรก็ตาม ปริมาณสำรองที่มีต่อสำรองพึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ของธนาคารยังคงต่ำกว่าของธนาคารอื่น โดย ณ เดือนมิถุนายน 2557 ธนาคารมีสำรองหนี้สงสัยจะสูญคิดเป็น 85% ของสินเชื่อด้อยคุณภาพ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยยังคงอ่อนแอ ธนาคารเผชิญกับความท้าทาย 2 ประการ ได้แก่ การควบคุมคุณภาพสินทรัพย์และการเพิ่มปริมาณสำรองหนี้สงสัยจะสูญให้มากยิ่งขึ้น
ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารดีขึ้นแต่ยังคงอ่อนแอกว่าธนาคารอื่น กล่าวคือ ธนาคารมีกำไรสุทธิ 15.6 พันล้านบาทในปี 2556 เพิ่มขึ้น 82% โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายบริษัทย่อยคือ บริษัท ธนชาตประกันชีวิต จำกัด จำนวน 12.3 พันล้านบาท ในขณะเดียวกัน ธนาคารได้ตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นพิเศษประมาณ 5.4 พันล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมรายการพิเศษทั้ง 2 รายการแล้ว กำไรสุทธิของธนาคารจะเพิ่มขึ้นประมาณ 18% ธนาคารมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ย (หลังปรับปรุง) ประมาณ 0.98% ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม สำหรับครึ่งแรกของปี 2557 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 5.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากกำไร (ไม่รวมรายการพิเศษ) ในงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าความสามารถในการทำกำไรของธนาคารจะดีขึ้น แต่อาจปรับลดลงได้หากต้นทุนด้านเครดิตเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการมีสินเชื่อที่อาจเสื่อมถอยลงไปอีก
เงินกองทุนของธนาคารดีขึ้นและเพียงพอต่อการขยายธุรกิจใน 2-3 ปีข้างหน้า ณ เดือนมิถุนายน 2557 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 9.93% และมีอัตราส่วนเงินกองทุนรวมที่ 15.59% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของ ธปท. ที่ 6.00% และ 8.50% ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนรวมที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม แต่อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html