ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท “บ. ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง” ที่ระดับ “AA+/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 5, 2015 16:52 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AA+” ให้แก่หุ้นกู้มีการค้ำประกันของ บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท พร้อมทั้งยืนยันอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “AA+” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระคืนหนี้เดิมและใช้เป็นเงินทุนตามแผนการขยายสินเชื่อ หุ้นกู้ของบริษัทได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนโดยบริษัทแม่คือ ORIX Corporation (ORIX) ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับสากล (ระบบ International Scale) ที่ระดับ “A-” จาก Standard & Poor’s และ “Baa1” จาก Moody’s Investor Services (Moody’s) ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีการค้ำประกันดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือของผู้ค้ำประกัน ซึ่งค้ำประกันหุ้นกู้แบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้

ตามเงื่อนไขข้อตกลงการค้ำประกันซึ่งบังคับใช้ภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ผู้ค้ำประกันจะให้การค้ำประกันหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตดังกล่าวเต็มจำนวนในทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้ โดยผู้ค้ำประกันพร้อมที่จะชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ภายใต้ข้อตกลงการค้ำประกันในกรณีที่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ หากมีการควบรวมหรือการครอบงำกิจการของผู้ค้ำประกันคือ ORIX บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการหรือบริษัทที่เข้าครอบงำกิจการของ ORIX จะต้องรับภาระผูกพันในการค้ำประกันหุ้นกู้ดังกล่าวด้วย และในกรณีที่ ORIX ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ตามกำหนดหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ค้ำประกัน ณ ศาลในประเทศญี่ปุ่นเพื่อฟ้องร้องเรียกเงินที่ผิดนัดชำระหนี้คืนได้ โดยที่ภาระการค้ำประกันนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือเพิกถอนโดยปราศจากมติเอกฉันท์จากผู้ถือหุ้นกู้

อันดับเครดิตของ ORIX ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ได้รับแรงหนุนจากสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ของตนเอง โดยจุดแข็งของ ORIX คือการกระจายตัวของธุรกิจและแหล่งรายได้ ORIX ต้องพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากตลาดทุนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ORIX มีจำนวนแหล่งเงินกู้ที่มากเพียงพอที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการต้องพึ่งพิงเงินทุนจากตลาดทุน

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ของหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งสะท้อนถึงคุณภาพเครดิตของผู้ค้ำประกันคือ ORIX ซึ่งได้รับอันดับเครดิตที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จาก Standard & Poor’s และ “Baa1” แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จาก Moody’s

อันดับเครดิตและหรือแนวโน้มอันดับเครดิตสำหรับหุ้นกู้มีการค้าประกันของ TOLC อาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตในระบบ International Scale ของ ORIX ทั้งนี้ ตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของทริสเรทติ้งระบุว่า การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตในระบบ International Scale 1 ระดับไม่มีผลที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตในระดับประเทศหรือในระบบ National Scale เท่ากับ 1 ระดับเสมอไป

ORIX ก่อตั้งในปี 2507 โดยความร่วมมือของสถาบันการเงิน 5 แห่งและบริษัทธุรกิจการค้าอีก 3 แห่ง บริษัทเป็นต้นแบบในการบุกเบิกธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งในประเทศญี่ปุ่น มากกว่า 50 ปีของการดำเนินงาน ORIX ได้ขยายขอบเขตความหลากหลายของธุรกิจ จนกระทั่งปัจจุบันมีการให้บริการทางการเงินที่กว้างขวางนอกเหนือจากการให้บริการลีสซิ่ง โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 ORIX มีสินทรัพย์รวมจำนวน 11.4 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นจาก 9.1 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 (สิ้นสุดมีนาคม 2557) และ 8.4 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2556 สินทรัพย์รวมของ ORIX ประกอบไปด้วยสินเชื่อผ่อนชำระ 2.3 ล้านล้านเยน ซึ่งคิดเป็น 21.5% ของสินทรัพย์ทั้งหมด การลงทุนในสินทรัพย์ให้เช่าดำเนินงานจำนวน 1.3 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 11.8% เงินลงทุนในหลักทรัพย์ 2.9 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 25.4% และเงินลงทุนในสินทรัพย์ให้เช่าทางการเงินจำนวน 1.0 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 10.5%

ธุรกิจของ ORIX ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ (Corporate Financial Services) ธุรกิจลีสซิ่งแบบเช่าบำรุง (Maintenance Leasing) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) ธุรกิจการลงทุนและการดำเนินงาน (Investment and Operations) ธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อย (Retail) และธุรกิจต่างประเทศ (Overseas Business) หลังจากวิกฤตทางการเงินในช่วงปี 2551-2552 สินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจของ ORIX ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 7.0 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2552 เป็น 6.1 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2555 การลดลงของสินทรัพย์สะท้อนถึงความตั้งใจของ ORIX ที่จะลดขนาดสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวสูงต่อการเปลี่ยนแปลงด้านลบของเศรษฐกิจ โดยสินทรัพย์รวมในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจาก 1,856 พันล้านเยน หรือคิดเป็น 26.6% ของสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจในรอบปีบัญชี 2552 เป็น 878 พันล้านเยน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 หรือเท่ากับ 9.5% ของสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจ แม้ว่าสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะลดลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่กำไรในกลุ่มธุรกิจนี้ก็ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยกำไรสุทธิในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้เพิ่มขึ้นจาก 0.1 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2554 เป็น 18 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2557 และ 22 พันล้านเยนใน 3 ไตรมาสแรกของรอบปีบัญชี 2558 การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยและกลุ่มธุรกิจต่างประเทศได้ช่วยชดเชยการลดลงของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้สินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้นจาก 6.1 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2555 เป็น 7.3 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 สินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจเพิ่มสูงขึ้นเป็น 9.3 ล้านล้านเยน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 หลังจากการครอบงำกิจการ โดย ORIX ได้เริ่มรวม Hartford Life Insurance K.K. เข้ามาในกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของรอบปีบัญชี 2558 จากจำนวนสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 สินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยคิดเป็น 40.6% ของสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจ ตามด้วยกลุ่มธุรกิจต่างประเทศที่ 24.4% กลุ่มธุรกิจให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ 11.7% กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 9.5% กลุ่มธุรกิจลีสซิ่งแบบเช่าบำรุง 7.3% และกลุ่มธุรกิจการลงทุนและการดำเนินงาน 6.5% กลุ่มธุรกิจต่างประเทศยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจที่ ORIX ได้ขยายเพิ่มขึ้นหลังจากวิกฤตทางการเงิน โดยสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 49.6% จาก 1.3 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2556 เป็น 2 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเกิดจากการครอบงำกิจการ Robeco Groep N.V. ในรอบปีบัญชี 2557 โดย Robeco Groep เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ในประเทศเนเธอร์แลนด์

การกระจายความหลากหลายของธุรกิจช่วยให้ ORIX สามารถหลีกเลี่ยงการมีผลประกอบการขาดทุนได้แม้ในช่วงวิกฤตทางการเงิน โดยในรอบปีบัญชี 2552 แม้ว่าผลประกอบการทางการเงินจะลดลงอย่างมาก แต่ ORIX ก็ยังคงมีกำไร โดยมีกำไรสุทธิที่ 20.7 พันล้านเยน ลดลงจาก 168.5 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2551 กำไรสุทธิของบริษัทเริ่มฟื้นตัวหลังจากหันไปเน้นในกลุ่มธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 36.5 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2553 เป็น 111.9 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2556 กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากในรอบปีบัญชี 2557 โดยมีกำไรสุทธิที่ 186.8 พันล้านเยน และเพิ่มขึ้นเป็น 187 พันล้านเยนสำหรับ 3 ไตรมาสแรกของรอบปีบัญชี 2558 ซึ่งเพิ่มขึ้น 58% จากกำไรในช่วงเดียวกันของรอบปีบัญชี 2557 ORIX ดำรงนโยบายด้านสภาพคล่องที่เข้มงวดโดยการรักษาเงินสดและวงเงินกู้แบบผูกพันการให้กู้ที่สามารถใช้ได้อย่างเพียงพอต่อการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นที่สามารถซื้อขายหรือโอนเปลี่ยนมือได้ โดยอัตราส่วนเงินสดและวงเงินกู้ต่อหนี้สินระยะสั้นที่สามารถซื้อขายหรือโอนเปลี่ยนมือได้อยู่ที่ระดับ 361% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557

ORIX มุ่งเน้นขยายธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้นโดยผ่านบริษัทลูกคือบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง ORIX และบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งมองเห็นแนวโน้มที่ดีในธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และการให้เช่ารถยนต์แบบเช่าบำรุงในประเทศไทย บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ในประเทศไทย บริษัทก่อตั้งในปี 2521 โดยความร่วมมือระหว่าง ORIX บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (บรรษัทฯ) บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลายครั้งเนื่องจากการควบรวมและการเข้าครอบงำกิจการของผู้ถือหุ้นฝ่ายไทย ในปี 2553 ORIX ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในประเทศไทยโดยการควบรวมบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งและบริษัทที่ให้บริการเช่ารถยนต์เบบเช่าบำรุงคือ บริษัท โอริกซ์ ออโต้ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และเปลี่ยนเป็นนิติบุคคลที่มีการจัดตั้งขึ้นใหม่ แต่ยังคงใช้ชื่อบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งเป็นชื่อของนิติบุคคลใหม่ดังกล่าว ปัจจุบัน ORIX ถือหุ้น 96.6% ในบริษัท ส่วนหุ้นที่เหลือ 3.4% ถือโดยบริษัทกรุงเทพประกันภัย

ธุรกิจหลักที่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งให้บริการประกอบด้วยธุรกิจสินเชื่อให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และธุรกิจการให้เช่ารถยนต์แบบเช่าบำรุง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งมีสินทรัพย์ดำเนินงานจำนวน 16,711 ล้านบาท สินทรัพย์ดำเนินงานเพิ่มขึ้น 14.8% ในรอบปีบัญชี 2557 และ 8.5% ในช่วงครึ่งแรกของรอบปีบัญชี 2558 สินทรัพย์ดำเนินงานของบริษัทประกอบไปด้วยสินเชื่อหรือลูกหนี้จากธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และสินทรัพย์ให้เช่าสุทธิจากธุรกิจการให้เช่ารถยนต์แบบเช่าบำรุง โดยสินทรัพย์จากธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์คิดเป็นประมาณ 63% ของสินทรัพย์ดำเนินงานรวม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 บริษัทมีกำไรสุทธิ 487 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2556 เพิ่มขึ้นจาก 234 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2555 ในรอบปีบัญชี 2557 ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทได้รับผลกระทบจากการลดลงของราคารถยนต์มือสอง ส่งผลให้กำไรสุทธิปรับลดลงเหลือ 198 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2557 การลดลงของราคารถยนต์มือสองได้ส่งผลต่อเนื่องมายังผลประกอบการทางการเงินในครึ่งแรกของรอบปีบัญชี 2558 โดยบริษัทมีกำไร 76 ล้านบาทในครึ่งแรกของรอบปีบัญชี 2558 ลดลง 35.2% จากช่วงเวลาเดียวกันของรอบปีบัญชี 2557 คุณภาพสินเชื่อให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของสินเชื่อให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 3.7% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2554 เป็น 1.0% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 อัตราส่วนดังกล่าวรักษาระดับอยู่ที่ 1.0% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 ORIX ได้แสดงความตั้งใจในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งทั้งในด้านธุรกิจและการเงิน ซึ่งรวมทั้งการให้ความรู้ในด้านธุรกิจ แนวปฏิบัติในการบริหารจัดการความเสี่ยงและการดำเนินงาน รวมถึงการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งนี้ การสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากบริษัทแม่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต

บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT)
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TOLC154A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 AA+
TOLC15NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 350 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 AA+
TOLC16NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA+
TOLC17NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 650 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 AA+
หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่อนภายในปี 2563 AA+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ