ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม “ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย” ที่ “A-/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 9, 2015 09:20 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงบทบาทที่สำคัญของ ชสอ. ในการส่งเสริมและพัฒนาขบวนการสหกรณ์ออมทรัพย์ในประเทศไทย ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังได้รับแรงหนุนจากสถานะของ ชสอ. ในการเป็นชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดทั้งในด้านขนาดของสินทรัพย์และจำนวนสมาชิก รวมทั้งประวัติการดำเนินงานที่ยาวนาน ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคณะผู้บริหารและพนักงานในการดำเนินกิจการสหกรณ์ออมทรัพย์ ตลอดจนผลประกอบการทางการเงินที่ปรับตัวดีขึ้น และเงินให้กู้ยืมแก่สหกรณ์สมาชิกที่มีคุณภาพดีด้วย การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงสิทธิพิเศษที่กฎหมายมีให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ในขั้นปฐมภูมิด้วยเช่นกัน โดยสิทธิพิเศษดังกล่าวได้ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่คุณภาพสินเชื่อของสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งหลายและยกระดับความได้เปรียบทางการแข่งขันของสหกรณ์ออมทรัพย์ซึ่งรวมทั้ง ชสอ. ให้มีเหนือสถาบันการเงินทั่วไป อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากอัตราส่วนหนี้สินของ ชสอ. ที่ค่อนข้างสูง ตลอดจนความไม่สอดคล้องกันของสินทรัพย์และหนี้สิน และการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นซึ่งอาจจะลดสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ได้รับอยู่ในปัจจุบัน

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่า ชสอ. จะสามารถรักษาบทบาทที่สำคัญในขบวนการสหกรณ์ออมทรัพย์ในประเทศไทยเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังคาดว่า ชสอ. จะสามารถรักษาระดับฐานเงินทุนภายในที่ได้รับจากสมาชิกไว้ได้ด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งเพื่อสามารถให้ผลตอบแทนคืนสู่สมาชิกในระดับที่เหมาะสม

แนวโน้มการปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีค่อนข้างจำกัดจากระดับการเติบโตที่ค่อนข้างช้าของขบวนการสหกรณ์ออมทรัพย์ ในทางตรงกันข้าม การเปลี่ยนแปลงใดใดไม่ว่าจะเป็นการมีนโยบายดำเนินงานในเชิงรุกและส่งผลให้ ชสอ. มีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หรือการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบจากทางการที่จะลดทอนสิทธิพิเศษของสหกรณ์ออมทรัพย์ก็อาจมีผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของ ชสอ. ได้

ชสอ. ก่อตั้งในปี 2515 โดยการริเริ่มของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยและสหกรณ์ออมทรัพย์จำนวน 81 แห่ง ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สหกรณ์ ชสอ. จัดเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ในขั้นทุติยภูมิ โดยที่สหกรณ์ออมทรัพย์ในขั้นปฐมภูมิจะเป็นสมาชิกของ ชสอ. ในปัจจุบันนั้น เมื่อพิจารณาจากขนาดของสินทรัพย์และจำนวนสมาชิกแล้ว ชสอ. จัดเป็นชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้ง 9 แห่งในประเทศไทย ชสอ. ได้รับสิทธิพิเศษในการยกเว้นภาษีต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่สหกรณ์ออมทรัพย์ในขั้นปฐมภูมิได้รับ ชสอ. ให้บริการทางการเงินแก่สหกรณ์สมาชิกซึ่งรวมถึงการรับฝากและการให้กู้ยืมเงิน นอกจากนี้ ชสอ. ยังมีบทบาทสำคัญต่อขบวนการสหกรณ์ในระดับชาติด้วย โดยมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อที่จะช่วยสนับสนุน ส่งเสริม วางแผน และพัฒนาสหกรณ์ออมทรัพย์ในประเทศไทย

ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 (สิ้นสุดมีนาคม 2558) ชสอ. มีเงินให้กู้ยืมแก่สหกรณ์สมาชิกคิดเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด หรือ 62.3% ของสินทรัพย์รวมของ ชสอ. เงินให้กู้ยืมแก่สหกรณ์สมาชิกอยู่ในระดับ 58%-66% ของสินทรัพย์รวมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 1 ใน 3 หรือ 33.9% ของสินทรัพย์รวมของ ชสอ. เป็นเงินลงทุน และส่วนที่เหลืออีก 3.7% เป็นเงินสดและสินทรัพย์อื่น ๆ ชสอ. มีนโยบายให้กู้ยืมทั้งแก่สหกรณ์ที่เป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิก แต่จะให้สิทธิพิเศษแก่สหกรณ์สมาชิกก่อนหากความต้องการกู้ยืมจากสมาชิกมีมาก ทั้งนี้ ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 เงินให้กู้ยืมแก่สหกรณ์สมาชิกมีจำนวน 44,355 ล้านบาท ชสอ. ให้กู้ยืมแก่สหกรณ์สมาชิกเพียง 272 รายจากจำนวนสหกรณ์สมาชิกทั้งหมด 1,046 ราย ชสอ. มีความเสี่ยงจากการการกระจุกตัวของเงินให้กู้ยืมแก่สมาชิก โดยเงินให้กู้ยืมแก่สมาชิก 20 อันดับแรกคิดเป็น 50.3% ของเงินให้กู้ยืมรวม ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2552 หรือ 31 มีนาคม 2553 และอยู่ที่ระดับ 35.9% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 แม้ว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะลดลง แต่ ณ ปัจจุบันระดับดังกล่าวก็ถือว่าค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของเงินให้กู้ยืมลดทอนลงจากการที่ ชสอ. มีคุณภาพเงินให้กู้ยืมในระดับที่สูง

ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 ชสอ. มีเงินให้กู้ยืมที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพียง 8.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.02% ของเงินให้กู้ยืมรวม เงินให้กู้ยืมแก่สหกรณ์สมาชิกของ ชสอ. ที่มีคุณภาพดีนั้นได้รับผลพลอยได้จากกลไกการชำระคืนหนี้อัตโนมัติและสิทธิพิเศษทางกฎหมายที่มีให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ในขั้นปฐมภูมิ นอกจากนี้ ชสอ. ยังมีเกณฑ์และแนวทางที่เข้มงวดในการพิจารณาเงินให้กู้ยืมแก่สมาชิกด้วย

ในช่วงรอบปีบัญชี 2554-2556 ชสอ. เผชิญกับอุปสรรคในการระดมเงินทุนในด้านของเงินฝากและเงินกู้ยืมจากสมาชิกโดยผ่านตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยเงินฝากและเงินกู้ยืมผ่านตั๋วสัญญาใช้เงินในรอบปีบัญชี 2554-2556 เพิ่มขึ้นเพียง 1.6% 5.6% และ 1.9% ตามลำดับ เทียบกับอัตราการเติบโตที่มากกว่า 10% ในช่วงรอบปีบัญชี 2551-2553 ชสอ. ได้ระดมทุนเพิ่มเติมผ่านการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างมากในช่วงรอบปีบัญชี 2554-2556 โดยเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นจาก 7,825 ล้านบาท ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2551 เป็น 15,665 ล้านบาท ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2556 โดยคิดเป็น 32% ของหนี้สินรวมหรือคิดเป็น 25% ของสินทรัพย์รวม แม้ว่าอัตราส่วนของเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์จะลดลงมาอยู่ที่ 22.7% ของหนี้สินรวม ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 กระนั้นอัตราส่วนดังกล่าวก็ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ เงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าเงินทุนขนาดใหญ่ที่ได้จากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินจะมีความเสี่ยงด้านการกู้ยืมต่อมากกว่าการใช้เงินฝากและการกู้ยืมจากสหกรณ์สมาชิกเป็นแหล่งเงินทุน การมีสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากภายนอกที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ ชสอ. มีความเสี่ยงด้านการกู้ยืมต่อและมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง โดยความเสี่ยงจะมีค่อนข้างสูงโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านลบในระบบสหกรณ์ออมทรัพย์หรือระบบเศรษฐกิจ เงินทุนระยะสั้นที่มากขึ้นก็ส่งผลให้ ชสอ. มีส่วนต่างระหว่างระยะเวลาครบกำหนดของสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นลบมากขึ้น ชสอ. จึงมีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยในระดับหนึ่งด้วย

ชสอ. มีสินทรัพย์สภาพคล่องสูงจำนวน 4,662 ล้านบาท ซึ่งได้แก่ เงินสด เงินฝากธนาคาร และเงินลงทุนระยะสั้น ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 ซึ่งเพียงพอสำหรับการลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องจากเงินฝากจำนวนดังกล่าว นอกจากนี้ ชสอ. ยังสามารถระดมทุนโดยการรับฝากเงินเพิ่มขึ้นจาก 23,113 ล้านบาท ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2556 เป็น 31,352 ล้านบาท ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 ด้วย

ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนและต้นทุนทางการเงินที่ปรับเพิ่มขึ้นช่วยเสริมความสามารถในการทำกำไรของ ชสอ. ให้เพิ่มขึ้น โดยกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 543 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2553 เป็น 1,193 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2557 ในขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นจาก 1.1% ในรอบปีบัญชี 2553 เป็น 1.8% ในรอบปีบัญชี 2557 อัตราผลตอบแทนต่อทุนของ ชสอ. โดยเฉลี่ยก็ปรับเพิ่มขึ้นจาก 5.8% ในรอบปีบัญชี 2553 เป็น 8.6% ในรอบปีบัญชี 2557 ชสอ. ได้ปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลให้แก่สมาชิกเป็น 5.8% ในรอบปีบัญชี 2557 จาก 5.6% ในรอบปีบัญชี 2556

ทุนเรือนหุ้นของ ชสอ. ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเงื่อนไขข้อบังคับของ ชสอ. ที่กำหนดให้สหกรณ์สมาชิกจะต้องซื้อหุ้นของ ชสอ. เพิ่มเติมในสัดส่วนที่สอดคล้องกับทุนเรือนหุ้นของสหกรณ์สมาชิก ในสถานการณ์ปกติ ทุนเรือนหุ้นของ ชสอ. คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการที่ทุนเรือนหุ้นของแต่ละสหกรณ์สมาชิกจะเพิ่มขึ้นอย่างอัตโนมัติจากกลไกปกติในการซื้อหุ้นเพิ่มรายเดือนของสมาชิก ทุนเรือนหุ้นของ ชสอ. ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 6,257 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2552 เป็น 9,211 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2553 เนื่องจากมีการซื้อหุ้นเพิ่มเติมเป็นพิเศษจากสหกรณ์สมาชิกรายหนึ่งในรอบปีบัญชี 2553 หลังจากการซื้อหุ้นเพิ่มเป็นพิเศษในครั้งนั้น ทุนเรือนหุ้นก็ปรับเพิ่มขึ้นในอัตรา 2%-8% ต่อปีในช่วงรอบปีบัญชี 2554-2557โดยทุนเรือนหุ้นของ ชสอ. อยู่ที่ระดับ 11,062 ล้านบาท ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 ทุนของ ชสอ. (ซึ่งประกอบไปด้วยทุนเรือนหุ้น ทุนสำรองตามกฎหมาย ทุนสำรองตามข้อบังคับ กำไรหรือขาดทุนจากเงินลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น และกำไรสุทธิ) ก็ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 7,708 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2552 เป็น 14,893 ล้านบาท ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 อัตราส่วนทุนของ ชสอ. ต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ระดับ 20% ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับสหกรณ์ออมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ก่อตั้งมานานซึ่งมีอัตราส่วนดังกล่าวที่ระดับประมาณ 40%

ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (FSCT)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ