ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม “บ. สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง” ที่ “AA/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 27, 2017 11:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทโฮลดิ้งหลักของกลุ่มสหพัฒน์ ตลอดจนการลงทุนที่หลากหลายในบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มสหพัฒน์ และการมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงนโยบายทางธุรกิจที่ระมัดระวังและความยืดหยุ่นทางการเงินที่เข้มแข็งของบริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ตลอดจนธุรกิจเสื้อผ้า และธุรกิจอาหารบริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งก่อตั้งในปี 2515 โดยครอบครัวตระกูลโชควัฒนา ณ เดือนมีนาคม 2560 ตระกูลโชควัฒนาและกลุ่มที่เกี่ยวข้องถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในบริษัทจำนวน 79% บริษัทเป็นบริษัทโฮลดิ้งหลักของกลุ่มสหพัฒน์ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทย กลุ่มสหพัฒน์เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่หลากหลายซึ่งประกอบด้วยตราสินค้าชั้นนำจำนวนมากในตลาดที่หลากหลาย อาทิ มาม่า วาโก้ เปา เอสเซ้นซ์ มิสทีน บีเอสซี ฯลฯ กลุ่มสหพัฒน์ได้พัฒนาเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการผลิตและจัดจำหน่าย บริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ในกลุ่มสหพัฒน์จำนวน 160 แห่ง บริษัทยังเป็นผู้ให้บริการสวนอุตสาหกรรมสำหรับกลุ่มสหพัฒน์และให้บริการแก่บริษัทในเครือในด้านการลงทุนแบบครบวงจรโดยให้บริการโรงงานให้เช่าและสาธารณูปโภคสำหรับบริษัทที่ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรม รวมทั้งให้บริการที่ปรึกษาด้านการลงทุน ให้การช่วยเหลือทางการเงิน และบริการด้านอื่น ๆ อีกด้วย

ในเดือนมิถุนายน 2560 บริษัทเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทผู้ผลิตสินค้าตราสินค้า “มาม่า” และ “ฟาร์มเฮ้าส์” โดยการซื้อกิจการของ บริษัท เพรซิเดนท์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งถือหุ้น 0.09% ใน บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) รวมทั้งถือหุ้น 32.76% ใน บริษัท เพรซิเดนท์ไรซ์โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) และ 18.77% ใน บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) การซื้อกิจการดังกล่าวมีมูลค่า 7,920 ล้านบาท การซื้อกิจการของบริษัทเพรซิเดนท์ โฮลดิ้ง จะช่วยให้บริษัทขยายการลงทุนไปในธุรกิจอาหารซึ่งมีความอ่อนไหวต่อวงจรเศรษฐกิจไม่มากนัก หลังจากการซื้อกิจการดังกล่าวแล้ว บริษัทจะมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทเพรซิเดนท์ไรซ์โปรดักส์และบริษัทไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า) เพิ่มขึ้นเป็น 25% ภายหลังการควบรวม ในขณะที่สัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทเพรซิเดนท์ เบเกอรี่ (ผู้ผลิตขนมปังและเบเกอรี่ตราฟาร์มเฮ้าส์) จะเพิ่มขึ้นจาก 3% เป็น 22% หลังจากการทำธุรกรรมดังกล่าว บริษัทจะสามารถรับรู้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 500 ล้านบาทจากการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน “มาม่า” และ “ฟาร์มเฮ้าส์”

รายได้หลักของบริษัทมาจากรายได้ค่าเช่าและค่าสาธารณูปโภคจากสวนอุตสาหกรรมที่บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินงาน การมีเงินลงทุนที่กระจายตัวค่อนข้างมากส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากเงินปันผลที่สม่ำเสมอระหว่าง 700 ล้านบาทถึง 900 ล้านบาทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ในปี 2559 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 10% สู่ระดับ 4,510 ล้านบาทเนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการขายที่ดินในสวนอุตสาหกรรมและได้รับเงินปันผลพิเศษจากบริษัทร่วมแห่งหนึ่ง ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 รายได้ของบริษัทลดลง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาสู่ระดับ 1,037 ล้านบาทเนื่องจากบริษัทไม่มีเงินปันผลพิเศษและยังไม่มีรายได้จากการขายที่ดิน

บริษัทมีงบดุลอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 9.3% อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 3,500 ล้านบาทและออกตราสารหนี้ในรูปแบบอื่น ๆ อีกจำนวนประมาณ 3,900 ล้านบาทเพื่อใช้ในในการลงทุนในบริษัทเพรซิเดนท์ โฮลดิ้ง ซึ่งจะส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2,327 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 เป็นประมาณ 10,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 ดังนั้น จึงคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 27% ในระหว่างปี 2561-2562

เงินทุนจากการดำเนินงานเกือบทั้งหมดของบริษัทมาจากเงินปันผล ในปี 2559 เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 981 ล้านบาทจากระดับ 819 ล้านบาทในปี 2558 เนื่องจากมีเงินปันผลสูงขึ้น ในไตรมาสแรกของปี 2560 เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ 381 ล้านบาท อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับตัวดีขึ้นจาก 42.1% ในปี 2558 เป็น 51.2% ในปี 2559 แต่ปรับตัวลดลงเป็น 35.2% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ใน

ไตรมาสแรกของปี 2560 ในขณะที่อัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวเพิ่มจาก 17.2 เท่าในปี 2558 เป็น 22.9 เท่าในปี 2559 และ 9.6 เท่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทจะลดลงไปอยู่ที่ระดับประมาณ 10% และ EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 5 เท่าในช่วง 3 ปีถัดไป

สภาพคล่องของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 บริษัทมีเงินสดจำนวน 143 ล้านบาทและมีเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 100 ล้านบาท บริษัทยังมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 2,440 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ไม่มีภาระหนี้ที่จะต้องชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ความคล่องตัวทางการเงินของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากสภาพคล่องของการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ทั้งนี้ มูลค่าตลาดของเงินลงทุนของบริษัทในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 25 แห่งคิดเป็น 19,590 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 โดยบริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อมูลค่าตลาดของเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ระดับ 11%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอจากการลงทุนในบริษัทในกลุ่มสหพัฒน์ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากผลประกอบการของกลุ่มสหพัฒน์ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากและสามารถเพิ่มกระแสเงินสดของบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ อันดับเครดิตอาจลดลงหากรายได้จากเงินปันผลของบริษัทลดลงอย่างมากจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของบริษัทในเครือของกลุ่มสหพัฒน์ หรือบริษัทมีการใช้นโยบายก่อหนี้จำนวนมาก

บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (SPI)
อันดับเครดิตองค์กร AA
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ